คุณต้องฝึกกล้ามท้องหนักแค่ไหน บ่อยแค่ไหน ถึงจะมีซิกแพค
รายการหมอ นอกกะลา
ตอน Abs (abdominal Part 1 ) ปรับแนวคิด
Abs เป็นกล้ามเนื้อที่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคน บางคนมี 6 ลูก บางคน 8 ลูก บางคนเบี้ยว บางคนเรียงกันสวย จริงๆแล้วทุกๆคนล้วนมีกล้ามท้องที่เป็นลูกๆมาตั้งแต่เกิด แต่สาเหตุที่มองไม่เห็นเป็นเพราะคุณมีไขมันในส่วนหน้าท้องมากเกินไป
และในทุกวันนี้ซิกแพคเป็นสัญลักษณ์ของการมีรูปร่างที่ดีและความเซ็กซี่ สำหรับผู้ชายต้องเป็นลอนที่สวยงาม และสำหรับผู้หญิงต้องแบนราบแต่เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจน
ความเชื่อที่ว่าการฝึกกล้ามท้องจะนำมาซึ่งกล้ามท้องที่สวยงามฟังดูสมเหตุสมผล โดยอยู่บนความจริงง่ายๆ ที่ไม่ต่างจากกล้ามเนื้อมัดอื่นๆในร่างกาย ซึ่งต้องเป็นจริงกับกล้ามท้องด้วย ใช่หรือไม่?
ใช่! แต่ไม่จริงทั้งหมด
การฝึกกล้ามท้อง ก็จะเป็นการพัฒนากล้ามหน้าท้อง ซึ่งไม่แตกต่างจากกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ แต่อย่ามัวสร้างแต่ขนาดของกล้ามท้องเพียงอย่างเดียว คุณต้องทำให้มันถูกมองเห็นได้ด้วย หากคุณมีกล้ามหน้าท้องที่สวยงาม แต่มันอยู่ภายใต้ชั้นไขมัน คุณจะเห็นแต่ไขมันเท่านั้นว่ามั๊ย
Southern Illinois University Edwardsville ทำการทดลองกับผู้ชายที่สุขภาพดี 24 คน โดยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไม่ต้องทำอะไร กลุ่มที่ 2 ต้องเล่นกล้ามท้อง 140 ครั้ง/สัปดาห์ ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ โดยทั้ง 2 กลุ่มถูกควบคุมอาหารและกิจกรรมอื่นๆ ให้เหมือนกัน หลังจากจบการทดลอง พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่มีอะไรที่ต่างกัน ทั้งลักษณะภายนอกและเปอร์เซ็นต์ไขมันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่กลุ่มที่เล่นกล้ามหน้าท้องมีกล้ามท้องที่แข็งแรงกว่าเพียงเท่านั้นเอง น่าแปลกดีมั๊ย
คุณไม่ต้องเล่นกล้ามท้องให้มากมายเพื่อให้เห็นซิกแพคหรอก ในความเป็นจริงคุณไม่ต้องฝึกเลยด้วยซ้ำ งงมั๊ย ตามมา
ความลับอยู่ที่เปอร์เซนต์ไขมันใต้ผิวหนัง หากคุณเป็นผู้ชาย คุณต้องมีไขมันน้อยกว่า 12% และถ้าคุณมีไขมันน้อยกว่า 10% ก็จะเห็นกล้ามท้องได้อย่างชัดเจนโดยอัตโนมัติ ไม่เชื่อไปขอดูหน้าท้อง ขอทานผอม ๆ ที่เดินตามข้างถนนซิ เห็นได้ชัดมาก ๆ
ส่วนผู้หญิงคุณต้องมีไขมันน้อยกว่า 20% ท้องของคุณถึงจะแบนราบและชัดเจน (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสำหรับแต่ละคน)
หลักการในการลดไขมันไม่มีอะไรยากเลย เพียงแต่คุณต้องแน่ใจว่าได้ใช้พลังงานให้มากกว่าที่ทานเข้าไป มีเคล็ดลับทางวิทยาศาสตร์เล็กน้อยที่ได้รับการทดสอบมาแล้วในการลดไขมันเรียกว่า Fasted Training ความว่า
เมื่อคุณทานอาหาร ร่างกายของคุณจะย่อยมันออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ หนึ่งในนั้นคือ กลูโคส หรือน้ำตาลในเลือด ร่างกายของคุณจะสร้างฮอร์โมนอินซูลินเพื่อบอกให้ ตับ, กล้ามเนื้อ, และเซลล์ไขมัน ดึงกลูโคสไปเก็บไว้
ตับและกล้ามเนื้อของคุณจะเก็บกลูโคสในรูปแบบของไกลโคเจน แต่เซลล์ไขมันจะเก็บในรูปแบบของ ไตรกลีเซอไรด์ การเก็บไกลโคเจนจะช่วยขยายขนาดของกล้ามเนื้อได้ และการเก็บไตรกลีเซอไรด์ก็จะขยายเซลล์ไขมันได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้รอบเอวของคุณหนาขึ้น
เมื่อคุณกำลังทานอาหาร การเผาผลาญไขมันจะไม่เกิดขึ้น เพราะร่างกายของคุณจะใช้พลังงานจากกลูโคสแทน และจะนำส่วนที่เหลือไปเก็บตามที่ได้กล่าวไปแล้ว (เก็บมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณอาหารที่คุณทานเข้าไป) ซึ่งร่างกายของคุณจะอยู่ในสภาวะนี้หลายชั่วโมงหลังจากทานอาหาร
แต่หลังจากร่างการดูดซึมอาหารไปซักพัก ระดับของอินซูลินจะลดลง ระดับพลังงานที่ได้จากมื้ออาหารจะค่อยๆหมดไป ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนโหมดไปใช้ไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเป็นพลังงานแทน
เมื่ออินซูลินอยู่ในระดับต่ำ ร่างกายของเราจะอยู่ในสภาวะ Fasted state (ภาวะที่ร่างกาย อดอาหาร) ร่างกายจะนำพลังงานที่สะสมไว้มาใช้งาน หลังทานอาหารมื้อขนาดปกติ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะนี้ใน 2-3 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นตัวบอกว่า
เมื่อคุณออกกำลังกายในสภาวะนี้ ร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น และการเล่นเวทเทรนนิ่งก็ทำให้สภาวะนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าการเล่นเวทในสภาวะนี้ช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารที่ทานหลังการฝึกมาสร้างกล้ามเนื้อได้มากขึ้น
สภาวะนี้ดีกับซิกแพคด้วยเช่นกัน เพราะมันเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณหน้าท้องมากขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายไขมันได้ดีขึ้น ดังนั้นการทำคาร์ดิโอหลังตื่นนอนจึงสามารถลดไขมันได้มาก เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาถึง 6 ชั่วโมง ส่งผลให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
เมื่อเข้าใจได้เช่นนี้ ตอนต่อไปก็นะนำเสนอ วิธีการสร้าง Abs ให้สวยงาม ส่วนการลดไขมัน ก็อ่าน อ้วน ทั้งสี่ตอนให้เข้าใจ แล้วปฏิบัติตามนั้น โดยเฉพาะ อาหารฤทธิ์ร้อน ที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดี และการบล็อกแป้ง ไม่ให้เป็นน้ำตาลจากถั่วขาว ซึ่งไม่ยากที่จะทำ
สวัสดี