หน้าแรก
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
แจ้งชำระเงิน
บทความ
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
หน้าแรก
>
บทความ
>
ธาตุเหล็ก ที่เด็กขาดไม่ได้
ธาตุเหล็ก ที่เด็กขาดไม่ได้
8 ปีที่ผ่านมา
โดย
เจ้าของร้าน
ตอน ธาตุเหล็ก ที่เด็กขาดไม่ได้ (หมอนอกกะลา)
คุณแม่ทั้งมือใหม่มือเก่าก็
ยังคงเป็นกังวลกับการดูแลลู
ก ว่าจะทำอย่างไรให้เด็กน้อยส
มบูรณ์แบบที่สุด และจากงานวิจัยที่ผมได้อ่าน
เป็นจำนวนมาก ก็พบปัญหาหนึ่งที่เกิดกับเด
็กที่ดื่มนมแม่มากที่สุดคือ
ขาดธาตุเหล็ก จากการรับประทานอาหารที่ไม่
ถูกต้องของตัวคุณแม่เอง และเด็กน้อยหลังหกเดือนไปแล
้วเขาก็ยังต้องการธาตุเหล็ก
อยู่ วันนี้มาทำความเข้าใจกันให้
ชัด ๆ เพื่อคลายความก
ังวลกันครับคุณแม่ทั้งหลาย รวมถึงตัวผมเองด้วย เพราะผมก็ต้องการธาตุเหล็กส
ูงจากการบริจาคเลือดทุก 3 เดือนครับ
ธาตุเหล็ก
สารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองให
้ลูกน้อย ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้อง
การไม่มาก แต่มีความสำคัญต่อการพัฒนาส
มองสูง เมื่อเรากินอาหารที่มีธาตุเ
หล็กธาตุเหล็กมันก็จะกระจาย
ไปสู่ไขกระดูก และเม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียน
ไปทั่วร่างกายทำหน้าที่นำออ
กซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ และช่วยขจัดก๊าซคาร์บอนไดออ
กไซด์ออกจากร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับอาหารที่มี
ธาตุเหล็กไม่เพียงพอ หรือธาตุเหล็กที่ร่างกายสะส
มไว้ลดน้อยลง เม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนไ
ปให้ร่างกายได้ใช้ก็จะลดน้อ
ยลง จึงทำให้ร่างกายมีอาการอ่อน
เพลีย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ผิวพรรณซีดเซียว และเกิดเลือดจางในที่สุด
ภาวะพร่องหรือขาดเหล็กแบ่งไ
ด้เป็น ๓ ระดับ
ระดับเล็กน้อย เหล็กที่สะสมในร่างกายพร่อง
ลงหรือขาดไปบ้าง
ระดับปานกลาง เหล็กที่สะสมในร่างกายหมดไป
จนขาดธาตุเหล็กในการสร้างเม
็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย สมาธิในการทำงานจะน้อยลง ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เป็นหวัดและติดเชื้อง่
าย
การขาดเหล็กระดับรุนแรง ร่างกายจะดึงธาตุเหล็กตามอว
ัยวะต่างๆ ออกมาใช้ในการสร้างเม็ดเลือ
ดแดง เช่น นำธาตุเหล็กจากบริเวณเปลือก
ตาล่างด้านใน ริมฝีปาก ผิวหนัง เป็นต้น หากถึงระดับรุนแรงจะทำให้ร่
างกายเกิดอาการซีดเซียวอย่า
งมาก
หลายคนเข้าใจผิดว่าถ้าขาดธา
ตุเหล็กเมื่อใด สิ่งที่เป็นอันตรายคือมีอาก
ารซีด แต่ที่จริงแล้วผลร้ายจากการ
ขาดธาตุเหล็กเกิดขึ้นก่อนที
่จะมีอาการซีดเสียอีก
การขาดธาตุเหล็กในระดับเล็ก
น้อยถึงปานกลางเป็นระยะเวลา
นานจะมีผลกระทบต่อระบบการเร
ียนรู้ บุคลิกภาพ และการเจริญเติบโตของเด็กทา
รก เด็กก่อนวัยเรียน และเด็กวัยเรียน นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้
มกันโรคและการเจ็บป่วยในทุก
กลุ่มอายุ รวมทั้งทำให้การใช้พลังงานข
องร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง
สำหรับในหญิงตั้งครรภ์ที่ขา
ดธาตุเหล็กจะเพิ่มความเสี่ย
งของการแท้งและการตกเลือดระ
หว่างคลอด หรือการคลอดทารกที่มีน้ำหนั
กแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์อีกด้ว
ยครับ
ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อพัฒ
นาการและการเรียนรู้ ในเด็กทารกแรกเกิดจนอายุ ๒ ขวบเป็นอย่างมาก หากเกิดภาวะเลือดจางจากการข
าดธาตุเหล็กในช่วงวัยนี้โดย
ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างท
ันท่วงที จะส่งผลต่อศักยภาพการเรียนร
ู้อย่างถาวร ทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาได้
เท่ากับเด็กปกติ การรักษาโดยการเสริมธาตุเหล
็กในภายหลังจะแก้ไขได้เพียง
ภาวะเลือดจาง แต่ไม่ช่วยให้พัฒนาการดีขึ้
นทัดเทียมกับเด็กที่ไม่มีกา
รขาดธาตุเหล็ก ดังนั้น การดูแลและป้องกันไม่ให้เกิ
ดการขาดธาตุเหล็กในเด็กจึงม
ีความสำคัญมาก หากผู้ใหญ่ขาดธาตุเหล็กก็จะ
ทำให้ร่างกายอ่อนแอเป็นโรคต
่างๆ ได้ง่ายขึ้นครับ
มาทำความรู้จักกับธาตุเหล็ก
ก่อนครับ ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบของ
โปรตีนในร่างกายหลายชนิด ที่สำคัญคือเป็นส่วนประกอบข
องเม็ดเลือดแดง ธาตุเหล็ก ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของส
ารสื่อประสาท ช่วยในการพัฒนาสมองของเด็ก ในทารกทุกคนที่เกิดครบกำหนด
เขาจะได้รับธาตุเหล็กจากแม่
สะสมไว้ใช้ในช่วงแรกของชีวิ
ต นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมห
ญิงตั้งครรภ์ทั้งหลายต้องกิ
นธาตุเหล็กเสริม ส่วนใหญ่ธาตุเหล็กที่สะสมไว
้ในทารกนี้ จะเพียงพอต่อการเจริญเติบโต
ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น ทารกจำเป็นต้องได้รับจากอาห
าร
ในนมแม่มีธาตุเหล็กต่ำ ถ้านำนมไปวิเคราะห์สารอาหาร
จะพบว่านมแม่มีธาตุเหล็กต่ำ
กว่านมผง แต่เป็นธาตุเหล็กที่ทารกสาม
ารถดูดซึมและำนำไปใช้ได้ดีก
ว่า และทารกปกติในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ทารกก็ไม่มีความจำเป็นต้องไ
ด้ธาตุเหล็กมากมายจนเกินไป เนื่องจากมีการสะสมอยู่ในร่
างกายอยู่แล้ว ส่วนทารกที่ไม่ปกติ เช่น ทารกเกิดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักแรกเกิดน้อย เป็นทารกที่เสี่ยงต่อการขาด
ธาตุเหล็ก ซึ่งในกรณีนี้ต้องให้กินธาต
ุเหล็กเสริมควบคู่ไปกับการก
ินนมแม่
ในประเทศไทย พบทารกอายุประมาณ 9-12 เดือนมีการขาดธาตุเหล็กกันอ
ยู่พอสมควร ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าเก
ิดจากการกินอาหารตามวัยที่ไ
ม่เหมาะสมครับ
เรื่องของโภชนาการสำหรับทาร
กในขวบปีแรก สิ่งที่ดีที่สุด ก็คือการให้กินนมแม่ ควบคู่ไปกับอาหารตามวัยที่ถ
ูกต้องเหมาะสม เราก็จะทำให้ทารกมีสุขภาพแข
็งแรง เติบโตสมวัย และฉลาดครับ
ธาตุเหล็ก (Iron) มีความสำคัญต่อร่างกายอย่าง
มากในการผลิตเฮโมโกลบิน ไมโอโกลบินและเอนไซม์บางชนิ
ด และมีความจำเป็นต่อกระบวนกา
รเผาผลาญของ วิตามินบี โดยทองแดง โคบอลต์ แมงกานีส วิตามินซี มีความสำคัญอย่างมากต่อการด
ูดซึมของธาตุเหล็ก แต่ วิตามินอี และสังกะสี ที่มีมากเกินไป จะขัดขวางการดูดซึมของธาตุเ
หล็กเสียเอง ธาตุเหล็กที่เรารับประทานเข
้าไปในร่างกายนั้น มักจะถูกดูดซึมเข้ากระเลือด
ได้เพียงแค่ 8% เท่านั้นเองครับ
ในร่างกายจะมีธาตุเหล็กประม
าณ 4 กรัม แต่ขนาดที่แนะนำให้รับประทา
นต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือประ
มาณ 10 – 15 มิลลิกรัม สำหรับหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวันครับ
สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดื
อนมามาก ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือควบคุมอาหาร คุณควรได้รับธาตุเหล็กเสริม
สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเด
ือน ร่างกายอาจจะไม่ต้องการธาตุ
เหล็กเสริมอีก ผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน อินโดซิน ยาแก้อักเสบทุกวัน ร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กเ
สริม สำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคติ
ดเชื้อ ไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กเส
ริม เพราะจะช่วยเพิ่มจำนวนของแบ
คทีเรียได้ สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟหรือชา
เป็นประจำ อาจไปขัดขวางการดูดซึมของธา
ตุเหล็กได้ สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งค
รรภ์ หากจะรับประทานธาตุเหล็กเสร
ิม ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะเคยมีรายงานว่าเด็กมีอ
าการเป็นพิษจากธาตุดังกล่าว
เนื่องจากมารดารับประทานธาต
ุเหล็กมากเกินไปในขณะตั้งคร
รภ์
โดยทั่วไปธาตุเหล็กในอาหารจ
ะอยู่ใน ๒ รูปแบบครับ คือ สารประกอบฮีม (heme iron) และสารประกอบที่ไม่ใช่ฮีม (nonheme iron)
ธาตุเหล็กในรูปแบบสารประกอบ
ฮีม
พบมากในแหล่งอาหารที่เป็นเน
ื้อสัตว์ เช่น เลือด ตับ เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อแดง ร่างกายจะสามารถดูดซึมและนำ
ไปใช้ได้ดี สามารถดูดซึมได้ถึงประมาณร้
อยละ ๒๐-๓๐ คนที่มีความต้องการธาตุเหล็
กสูงควรกินอาหารประเภทนี้เป
็นประจำ สัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้ง
สารประกอบธาตุเหล็กที่ไม่ใช
่ฮีม
พบได้ในอาหารประเภท ธัญพืช แป้ง ไข่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ แต่ธาตุเหล็กที่ไม่ใช้ฮีม ร่างกายจะดูดซึมธาตุเหล็กไป
ใช้ได้น้อยกว่าประเภทฮีมมาก
กล่าวคือสามารถดูดซึมได้เพี
ยงร้อยละ ๓-๕ เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากอาห
ารประเภทนี้ต้องอาศัยกรดเกล
ือในกระเพาะอาหาร เพื่อช่วยทำให้ธาตุเหล็กออก
มาจากอาหารก่อน จากนั้นร่างกายจึงสามารถดูด
ซึมที่เยื่อบุผิวของลำไส้เล
็กได้
อย่างไรก็ตาม การดูดซึมสารประกอบธาตุเหล็
กที่ไม่ใช่ฮีมนี้จะดียิ่งขึ
้นถ้ากินร่วมกับเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง
จำพวก ฝรั่ง มะละกอ ส้ม เป็นต้น
ในทางตรงกันข้ามสารไฟเตต (phytate) พบในข้าวที่ไม่ได้ขัดสี พืชใบสีเขียวเข้ม ถั่วเมล็ดแห้ง เช่น ถั่วเหลือง และสารแทนนิน ที่พบในน้ำชา กาแฟ จะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็
ก ดังนั้น ผู้ที่ไม่นิยมกินอาหารเนื้อ
สัตว์ การรู้จักจัดองค์ประกอบของอ
าหารที่กินอย่างเหมาะสมจะทำ
ให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กท
ี่ไม่ใช่ฮีมไปใช้ได้ดีขึ้นค
รับ
o สำหรับนักมังสวิรัติ ควรกินวิตามินซีหรืออาหารที
่ให้วิตามินซีสูงไปพร้อมกับ
พืชผักที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักกูด ผักแว่น ใบแมงลัก เห็ดฟาง พริกหวาน กะเพราแดง ขึ้นฉ่าย หรือถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เพื่อช่วยในการดูดซึมและนำไ
ปใช้ได้ดีขึ้น
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง มีดังนี้
ผัก – ผักที่มีธาตุเหล็กสุงได้แก่
ผักกูด ถั่วฟักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพราะ ผักเม็ก มะกอก ยอดกระถิน ดอกโสน ต้นหอม มะเขือพวง ใบขี้เหล็ก มะเขือเทศ ผักกาดหอม ฟักทอง มันเทศ เผือก และผักใบเขียวชนิดอื่นๆ
o ธาตุเหล็กที่อยู่ในรูปอาหาร
เสริม เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีที่ให้นมบุตร ที่ไม่สามารถรับธาตุเหล็กได
้อย่างเพียงพอจากอาหาร ธาตุเหล็กในรูปเม็ดจะดูดซึม
ได้ดีที่สุดเวลาท้องว่าง นั่นคือควรรับประทานระหว่าง
มื้ออาหาร แต่ธาตุเหล็กอาจทำให้ถ่ายมา
กขึ้น หรือถ่ายเหลวในบางคน จึงจำเป็นต้องรับประทานพร้อ
มอาหาร แต่ไม่ควรรับประทานพร้อมกับ
นม เพราะแคลเซียมในนมจะทำให้กา
รดูดซึมธาตุเหล็กลดลง เมื่อร่างกายได้รับธาตุเหล็
กที่เพียงพอแล้ว เม็ดเลือดแดงจะกลับมามีจำนว
นเป็นปกติได้ภายใน 2 เดือน แต่ควรเสริมธาตุเหล็กต่อไปอ
ีก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้ร่างกายมีสะสมไว้ใช
้ในเวลาจำเป็น ทั้งนี้ไม่ควรละเลยการเลือก
รับประทานอาหารที่เป็นแหล่ง
ธาตุเหล็กสูงด้วย
คำนวณธาตุเหล็กแบบง่าย ๆครับ
เลือดวัว 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 44.1 มิลลิกรัม
o เลือดหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 25.9 มิลลิกรัม
o หมูหยอง 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 17.8 มิลลิกรัม
o ตับหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 10.5 มิลลิกรัม
10 ผักไทย ให้ธาตุเหล็กสูงครับ
1. ผักกูด 36.3 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
2. ถั่วฝักยาว 26 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
3. ผักแว่น 25.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
4. เห็ดฟาง 22.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
5. พริกหวาน 17.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
6. ใบแมงลัก 17.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
7. ใบกะเพรา 15.1 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
8. ผักเม็ก 11.6 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
9. มะกอก (ยอด) 9.9 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
10. กระถิน (ยอดอ่อน) 9.2 มิลลิกรัม/ 100 กรัม
อย่าลืม
ตัว ที่ส่งเสริมการดูดซึมธาตุเห
ล็ก คือวิตามินซี ดังนั้นการปรุงอาหาร ควรปรับเพื่อส่งเสริมให้ร่า
งกายดูดซึมธาตุเหล็กได้จำนว
นมากขึ้น วิธีนั้นง่ายมาก คือเพิ่มวิตามินซีรูปแบบต่า
งๆ ลงในอาหาร เช่นอาหารพวกยำต่างๆ ที่มีการบีบมะนาวลงไป
เมนูตับง่ายๆ เสริมธาตุเหล็กลูกวัย 6-12 เดือนครับ
เมนูตับ เป็นเมนูอาหารเสริมให้ลูกวั
ย 6-12 เดือน ที่มีธาตุเหล็กและมีคุณค่าท
างโภชนาการสูง
ตับ...มากประโยชน์
หลัง 6 เดือนไปแล้ว นมแม่จะมีธาตุเหล็กไม่เพียง
พอกับเด็กวัยขวบปีแรก การได้อาหารตามวัยคุณแม่ควร
เลือกอาหารที่มีธาตุเหล็กสู
งให้ลูก หนึ่งในแหล่งธาตุเหล็กชั้นด
ีก็คือตับนั่นเอง มาดูกันว่าตับเป็นอาหารที่ม
ีประโยชน์ในด้านไหนกันบ้าง
-โปรตีน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
-ธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมสร้างฮีโมโกบิน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเ
ม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปเลี้ย
งส่วนต่างๆ ของร่างกาย
-วิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวหนัง เส้นผม ทำให้เนื้อเยื่อในตาแข็งแรง
สายตาดี มองเห็นได้ชัดในที่มีแสงสว่
างน้อย
-วิตามินบี 3 ทำให้ลำไส้มีสุขภาพดี ระบบย่อยเป็นปกติ กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีป
ระสิทธิภาพ
-วิตามินบี 5 ช่วยให้ร่างกายสามารถนำคาร์
โบไฮเดรตและโปรตีนมาใช้ประโ
ยชน์ได้สูงสุด
-วิตามิน บี 6 สร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ๆ ให้กับร่างกาย
-วิตามิน บี 12 บำรุงประสาทให้แข็งแรง ทำให้สมองทำงานได้ดี ความจำดี และทำให้การสร้างเลือดเป็นป
กติ
เลือกตับให้เหมาะกับลูก
การเลือกตับให้เหมาะสำหรับเ
ด็กวัย 6-8 เดือนนั้น แม่ๆ ส่วนใหญ่นิยมให้ตับไก่เพราะ
เนื้อนิ่ม จึงควรเลือกที่สีอ่อน หากซื้อตอนเช้าจะได้ตับที่ส
ด และควรปรุงอาหารในวันเดียวก
ัน ไม่ควรเก็บตับที่ซื้อมาเกิน
24 ชั่วโมง เนื่องจากตับจะเสียง่าย ส่วนการเลือกซื้อตับหมู ควรเลือกตับที่สดเนื้อขึ้นเ
งา สีอ่อนไม่แดงเข้ม เนื้อตับจะไม่กระด้าง
เทคนิคการปรุงตับ
ที่ช่วยปรุงตับไม่ขม ไม่คาว และไม่แข็ง แถมนิ่ม อร่อย ต้องใช้วิธีนี้
1.เลือกซื้อตับที่สด
2.ล้างตับด้วยเกลือป่น ช่วยลดความคาวของตับ
3.หมักด้วยซีอิ๊วหรือนมสดเล
็กน้อยประมาณ 15-30 นาทีก่อนนำมาปรุงอาหาร ช่วยลดความคาวของตับ
4.นำตับไปลวกด้วยน้ำร้อนจัด
ช่วยลดความขมและกลิ่นคาว
5.การผัดตับด้วยน้ำมันที่ร้
อน ในช่วงเวลาสั้นๆ จะทำให้ตับนิ่ม อร่อยและไม่คาว
เมนูอาหารเด็ก เมนูตับ (ให้เลือกเกลือสมุทรที่ไม่ฟ
อกสีนะครับ อย่าลืม)
โจ๊กตับ (6-8 เดือน)
เครื่องปรุง : ปลายข้าวกล้อง 2 ช้อนโต๊ะ
ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก ¼ ถ้วย
หมูสันนอกหั่นชิ้นหนา 1 นิ้ว 1 ขีด
ตับไก่ 1 ชิ้น
ผักกาดขาวหั่นฝอย ¼ ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.คลุกเคล้าตับไก่กับเกลือป
่น แล้วล้างน้ำเพื่อดับกลิ่นคา
ว พักใส่ชาม
2.ต้มปลายข้าวกล้องกับน้ำ พอเดือดใส่ฟักทอง ผักกาดขาวและหมูสันนอก เร่งไฟให้เดือด ใส่ตับไก่ คนให้สุกทั่ว
3.เทส่วนผสมใส่หม้อตุ๋นประม
าณ 2-3 ชั่วโมง คนข้าวตุ๋นบ้างเพื่อไม่ให้ข
้าวไหม้ติดก้นหม้อตุ๋น
Tip
การตักโจ๊กตับป้อนลูกในมื้อ
แรกที่เริ่มอาหารเสริม ควรตักเฉพาะส่วนที่เป็นโจ๊ก
และฟักทองที่เปื่อย สำหรับตับและเนื้อหมู การตุ๋นช่วยให้โปรตีน วิตามินและเกลือแร่บางส่วนล
ะลายในน้ำ ทำให้เหมาะต่อการย่อยการดูด
ซึม มื้อที่สองให้ตักแบ่งตับไก่
เนื้อหมูอย่างละ 1- 2 ช้อนชาแล้วบดผ่านกระชอนให้ล
ะเอียดนำมาคลุกเคล้ากับโจ๊ก
เป็นการเพิ่มปริมาณสารโปรตี
นและฝึกให้หนูน้อยคุ้นเคยกั
บการกินตับ มื้อถัดไปจึงเพิ่มปริมาณเป็
น 1 ช้อนโต๊ะ พร้อมกับสังเกตการย่อยอาหาร
ของหนูน้อยด้วย จากการที่ไม่มีท้องอืด สามารถดื่มนมได้ปริมาณเท่าเ
ดิมในมื้อที่กินนม สามารถดัดแปลงเพิ่มด้วยการเ
ติมผักอื่น เช่น แครอต ผักขม ผักตำลึง เพื่อเด็กมีโอกาสฝึกกินผักไ
ด้หลากหลาย
ไข่แดงตับบด (9-10 เดือน)
เครื่องปรุง : ไข่แดงต้มสุก ½ ฟอง
ตับไก่สับละเอียดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
ไก่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนชา
เนย 1 ช้อนชา
แครอตต้มสุกสับ 1 ช้อนโต๊ะ
กล้วยน้ำว้าสุกครูด 2 ช้อนโต๊ะ
วีธีทำ
1.ผัดเนยกับหอมใหญ่สับด้วยไ
ฟอ่อน ในหม้อเล็กจนหอมใหญ่สุก เหลืองกลิ่นหอม
2.ใส่ตับไก่สับ ใช้ไฟแรงผัดเร็ว รวนตับให้สุก ลดไฟลงใส่ไก่สับผัดให้เข้าก
ัน
3.ใส่แครอตสับ กล้วยน้ำว้าครูด ผัดให้เข้ากัน ใช้ไฟอ่อน
4.ใส่ไข่แดงต้มสุก ยีรวมให้เข้ากัน ตักข้าวต้ม 1 ถ้วยคนให้เข้ากัน เคี่ยวไฟอ่อนจนข้าวต้มเปื่อ
ย
Tip
การผัดตับไก่กับเนย ช่วยทำให้ลดกลิ่นคาว ขณะใส่ไข่แดง ใช้หลังทัพพียีเนื้อไก่ ตับไก่ แครอตและกล้วยครูดให้แหลก ช่วยย่นเวลาในการเคี่ยวข้าว
ต้ม อาจสับตับไก่ให้ละเอียดทำให
้ตับไก่สุกเนื้อเนียน ไม่เป็นเม็ด
ตับไก่รวมมิตร (11-12 เดือน)
เครื่องปรุง : ตับไก่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
หมูสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ไก่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้อ่อนหั่นเต๋าเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมหั่นซอย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว ¼ ช้อนชา
แครอตต้มสับ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 1 ช้อนชา(ขอเป็น รำข้าว มะกอก นะครับ)
น้ำซุปต้มกระดูก ¼ ถ้วย
วิธีทำ
1.นำตับไก่สับไปหมักซีอิ๊ว ¼ ช้อนชา 15 นาที
2.ตั้งกระทะพอร้อน เติมน้ำมัน 1 ช้อนชา พอน้ำมันร้อนใส่ตับไก่ลงรวน
พอสุก ตักพักไว้ในจาน
3.เติมน้ำซุปใส่กระทะ พอน้ำซุปร้อนใส่ไก่สับ หมูสับลงรวนสุก เติมแครอต เต้าหู้อ่อน ใส่ตับไก่ที่รวนแล้ว ลงผัดคลุกเข้ากัน โรยต้นหอมผัดจนต้นหอมสุก เสิร์ฟกับข้าวสวยหุงสุกนิ่ม
หรือ ข้าวต้ม
Tip
เทคนิคผัดตับไก่สุกพักไว้ ทำให้เนื้อตับไม่แข็ง นิ่มอร่อย และไม่คาว อาหารหนูน้อยวัย 11-12 เดือน ลักษณะเนื้อจะหยาบและมีความ
ข้นหนืดขึ้น คุณแม่อาจหั่นตับเป็นชิ้นหน
าทอดในน้ำมันประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ แบ่งตับทอดที่สะเด็ดน้ำมัน สับให้ละเอียดนำมาคลุกทีหลั
งก็ได้
ข้าวโอ๊ตตับบด
วิธีทำ : ต้มข้าวโอ๊ตจนสุกนิ่มในน้ำซ
ุป ลวกตับในน้ำเดือดจัดจนสุก บดให้ละเอียด ผสมในข้าวโอ๊ต ใส่ซีอิ๊วขาว โรยงาคั่ว พร้อมเสริฟได้เลยครับ
ที่เหลือคุณแม่ไปจินตนาการเ
อาเองนะครับ ส่วนผม ก็สุกี้บ้าง ผัดกะเพราบ้าง สปาเก็ตตี้บ้าง ขึ้นอยู่กับลักษณะของอากาศใ
นแต่ละวันครับ ดูแลเด็กๆ และร่างกายของตัวท่านเองอย่
าให้ป่วยกันนะครับ สวัสดีครับ
ธาตุเหล็ก
,
ธาตุเหล็ก เด็ก
,
santi manadee
,
สันติ มานะดี
Share
Share :
COPY
ค้นหาสินค้า
ค้นหา
ค้นหาโดยละเอียด
ดูทั้งหมด
หมวดหมู่สินค้า
สินค้าทั้งหมด
[63]
สินค้ามาใหม่
[0]
สินค้าแนะนำ
[13]
หมวดหมู่ตัวอย่าง
[0]
เสริมสุขภาพ
[48]
อาหารเสริมชนิดผง
[11]
อาหารเสริมชนิดเม็ด
[24]
ควบคุมน้ำหนัก
[0]
เสริมความงาม
[18]
อื่นๆ
[10]
สินค้าใหม่
ดูสินค้ามาใหม่ทั้งหมด
ระบบสมาชิก
คุณเป็นตัวแทนจำหน่าย
ระดับ{{userdata.dropship_level_name}}
ไปหน้าหลักตัวแทน
ระดับสมาชิกของคุณ ที่ร้านค้านี้
รายการสั่งซื้อของฉัน
ทั้งหมด {{(order_nums && order_nums.all)?'('+order_nums.all+')':''}}
รอการชำระเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment)?'('+order_nums.wait_payment+')':''}}
รอตรวจสอบยอดเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment_verify)?'('+order_nums.wait_payment_verify+')':''}}
รอจัดส่งสินค้า {{(order_nums && order_nums.wait_send)?'('+order_nums.wait_send+')':''}}
รอยืนยันได้รับสินค้า {{(order_nums && (order_nums.wait_receive || order_nums.wait_confirm))?'('+(order_nums.wait_receive+order_nums.wait_confirm)+')':''}}
รอตรวจสอบข้อร้องเรียน {{(order_nums && order_nums.dispute)?'('+order_nums.dispute+')':''}}
เรียบร้อยแล้ว {{(order_nums && order_nums.completed)?'('+order_nums.completed+')':''}}
ทั้งหมด {{(order_nums && order_nums.all)?'('+order_nums.all+')':''}}
รอการชำระเงิน {{(order_nums && order_nums.wait_payment)?'('+order_nums.wait_payment+')':''}}
รอตรวจสอบยอดเงิน{{(order_nums && order_nums.wait_payment_verify)?'('+order_nums.wait_payment_verify+')':''}}
รอจัดส่งสินค้า {{(order_nums && order_nums.wait_send)?'('+order_nums.wait_send+')':''}}
ส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว {{(order_nums && order_nums.sent)?'('+order_nums.sent+')':''}}
logout
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ยังไม่มีบัญชีเทพ
สร้างบัญชีใหม่
ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
ติดต่อเรา
0971654697
snailwhitebeauty
ติดตามสินค้า
ตรวจสอบพัสดุ
เว็บเพื่อนบ้าน
LnwShop
หน้าแรก
|
วิธีการสั่งซื้อสินค้า
|
แจ้งชำระเงิน
|
บทความ
|
เว็บบอร์ด
|
เกี่ยวกับเรา
|
ติดต่อเรา
|
ตะกร้าสินค้า
|
Site Map
Copyright © 2025
www.santimanadee.com
All rights reserved.
ตะกร้า
(
0
)
▲
▼
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ยังไม่มีบัญชีเทพ
สร้างบัญชีใหม่
ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
SANTI MANADEE
ไม่เอาภาระเข้าร่างกาย เอาสิ่งดี ๆ ใส่ให้กับร่างกาย คุณก็จะมีสุขภาพดี
เบอร์โทร :
0971654697
อีเมล :
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
ค้นหาสินค้าในร้านนี้
ค้นหา
หรือค้นหาอย่างละเอียด
ค้นหาสินค้า
สินค้าที่ดูล่าสุด
{{pdata.name}}
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้
↑
TOP
เลื่อนขึ้นบนสุด
คุณมีสินค้า
0
ชิ้นในตะกร้า
สั่งซื้อทันที
สินค้าในตะกร้า ({{total_num}} รายการ)
ขออภัย ขณะนี้ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า
ราคาสินค้าทั้งหมด
฿ {{price_format(total_price)}}
- ฿ {{price_format(discount.price)}}
ราคาสินค้าทั้งหมด
{{total_quantity}} ชิ้น
฿ {{price_format(after_product_price)}}
ราคาไม่รวมค่าจัดส่ง
ดูสินค้าในตะกร้า
เริ่มการสั่งซื้อ
➜
เลือกซื้อสินค้าเพิ่ม
พูดคุย-สอบถาม
โทร 0971654697
Add snailwhitebeauty