วันแห่งความรัก 18++

7 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

รายการ หมอนอกกะลา

ตอน... วันแห่งความรัก 18++

จูบ...

เป็นลักษณะเด่นของมนุษย์และสัตว์บางจำพวกที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นวิธีการในการส่งผ่านเชื้อโรคจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง แต่ในท้ายที่สุดมันคือการสร้างภูมิคุ้มกันและที่มากกว่าความโรแมนติกก็คือการจูบจะมีการทำงานโดยพื้นฐานทางชีวภาพและนอกจากนี้มันยังมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

8 คุณประโยชน์ต่อสุขภาพของการ...จูบ

จูบไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกที่ดีแต่ยังเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณ มันช่วยลดความเครียดและการหลั่งฮอร์โมน Epinephrine เข้าสู่กระแสเลือดของคุณซึ่งทำให้มีการปั๊มเลือดได้เร็วขึ้นที่อาจส่งผลในการลดระดับไขมันเลว LDL และนอกจากนี้การจูบอาจจะเป็นวิธีการใหม่ในการได้รับฮอร์โมนบางอย่างเช่นฮอร์โมนเพศชาย testosterone:

"เยื่อบุภายในช่องปากมีการซึมผ่านของฮอร์โมนเช่นฮอร์โมนเพศชายผ่านการจูบปาก- ฝ่ายชายจะปล่อยฮอร์โมนเพศชายเข้าไปในปากของฝ่ายหญิง 'ซึ่ง' จะถูกดูดซึมผ่านเยื่อเมือก ... และเพิ่มความตื่นตัวรวมถึงความเป็นไปได้ว่าเธอจะมีส่วนร่วมในพฤติกรรมของการสืบพันธุ์ "(1)

ที่น่าสนใจคือ Andrea Demirjian ผู้เขียนหนังสือ Kissing: Everything You Ever Wanted to Know about One of Life's Sweetest Pleasures เชื่อว่า "จูบทุกวันสามารถทำให้แพทย์ออกไปออกไปจากชีวิตคุณ" ("a kiss a day really can keep the doctor away") และเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอได้กล่าว 8 เหตุผลกับซีเอ็นเอ็น: (2)

1. ลดความดันโลหิตของคุณ

จูบช่วยในการขยายหลอดเลือดของคุณซึ่งอาจช่วยลดความดันโลหิตของคุณ

2. บรรเทาอาการตะคริวและอาการปวดหัว

ผลของหลอดเลือดที่ขยาย-ยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอาการปวดหัวหรือปวดประจำเดือน

3. ต้านการผุของฟัน

เมื่อคุณจูบ..การผลิตน้ำลายในปากของคุณจะเพิ่มขึ้นและสิ่งนี้จะช่วยให้มีการล้างคราบจุลินทรีย์บนฟันของคุณที่อาจนำไปสู่ฟันผุออกไป ในทำนองเดียวกันเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโพรงในฟันยังสามารถส่งผ่านการจูบได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนที่คุณกำลังจูบด้วยมีปัญหาช่องปาก การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโพรงสามารถแพร่กระจายจากจูบของแม่ผ่านไปยังลูกได้(3)

4. ปล่อยฮอร์โมนความสุขของคุณ

จูบจะแจ้งให้สมองของคุณปล่อยยาอายุวัฒนะโดยการหลั่งสารเคมีที่มีความสุขรู้สึกดีเช่น serotonin, dopamine และ oxytocin สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งสำคัญสำหรับความสุขของคุณแต่ยังอาจช่วยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของคุณ -MSN รายงานว่า: (4)

" Oxytocin เป็นฮอร์โมนแห่งความรักและระดับ oxytocin ยิ่งสูง ความสามารถในการมอบความรักก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ' Arthur Janov, Ph.D., ผู้เขียน 'The Biology of Love และผู้อำนวยการที่ Primal Center in Santa Monica, Calif ได้อธิบายไว้ว่า "เราได้พบว่าผู้ที่ไม่สามารถมีกิจกรรมแห่งความรักได้ มีความสัมพันธ์กับ oxytocin ที่อยู่ในระดับต่ำ '"
ที่น่าสนใจคือ..จูบ..จะเปิดใช้งานพื้นในสมองของคุณที่เชื่อมโยงกับการให้รางวัลและการติดยาเสปติด(5) งานวิจัยที่เปิดเผยการค้นพบนี้กล่าวว่า : (6)

"การจูบอาจมีการพัฒนาเป็นสู่วิธีที่จะช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนฮอร์โมนเพศ รักโรแมนติกและความเป็นมนุษย์ที่จะมีการหารือ แสวงหาคู่ครองที่มีศักยภาพแล้วมุ่งเน้นความสนใจไปที่การผสมพันธุ์และในที่สุดก็จะสามารถที่จะอดทนต่อการมีชีวิตคู่ที่ยาวนานพอที่จะมีบุตรตามจำนวนที่ปรารถนา "

ริมฝีปากของคุณแน่นขนัดไปด้วยเซลล์ประสาทซึ่งถูกกระตุ้นโดยการสัมผัสของริมฝีปากของอีกคนหนึ่ง สิ่งนี้จะแจ้งให้เกิดการเปิดตัวของ sebum ซึ่งถูกคิดว่าจะมีบทบาทในพันธกรรม (7)

5. เผาผลาญแคลอรี่

มันไม่ได้แทนที่การออกกำลังกายของคุณนะ ... แต่การจูบอย่างเมามันอาจเผาผลาญ 8-16 แคลอรี่

6. เพิ่มความนับถือตนเอง

ผลการศึกษาพบว่าผู้ชายที่ได้รับการจูบก่อนที่พวกเขาจะออกไปทำงานจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมาก (8) สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า...จูบ..ทำให้คนมีความสุขและช่วยเพิ่มความนับถือตนเองและท้ายที่สุดมีประสิทธิผลด้านการงานมากขึ้น

7. เกลากล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณ

จูบที่เมามันจะช่วยสร้างรูปคอและขากรรไกรของคุณให้สวยงามโดยการทำงานผ่านจำนวนของกล้ามเนื้อบนใบหน้า

8. ตรวจสอบความเข้ากันได้ของคู่รักของคุณ

จูบสามารถเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพของการวัดการเริ่มต้นของคุณกับคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต ส่วนใหญ่ของผู้ชายและผู้หญิงที่สำรวจรายงานว่า ..จูบแรกอาจจะเป็นเหมือนสวิทซ์ว่าจะเปิดหรือปิดมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงจะให้ความสำคัญมากขึ้นในการจูบเพราะเป็น "อุปกรณ์การประเมินคู่" และเป็นนัยของการ "เริ่มต้นการรักษาและการตรวจสอบสถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยพันธมิตรระยะยาว" (9)

!!! จูบอาจเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณและบรรเทาความเครียด

ผู้คนโดยเฉลี่ยใช้เวลามากกว่า 20,000 นาทีเพื่อการจูบในชีวิตของพวกเขา (10) นอกจากผลประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว การจูบ...ยังได้รับการแสดงให้เห็นว่าเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของคุณและลดการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือจมูก (11)

การวิจัยเฉพาะกิจยังเผยให้เห็นว่าคนที่ใช้เวลา 6 สัปดาห์ให้กับการจูบและจัดให้เป็นความสำคัญลำดับแรกกับคู่ของพวกเขา มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระดับของความเครียด และนอกเหนือจากการปรับปรุงความเครียดในผู้เข้าร่วมการจูบแล้วยังมีรายงานความพึงพอใจในความสัมพันธ์มากขึ้นและการปรับปรุงในค่าไขมันคอเลสเตอรอลอีกด้วย (12)
....................................................
เพิ่มเวลาในการจูบ : มอบสุขภาพที่ดี
....................................................

การจูบสามารถโหมโรงการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งมีอีกหลายประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม- ผู้ชายและผู้หญิงมีความต้องการที่ต่างกันในการจูบ- ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นการจูบก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์และผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนั้นหลังจากนั้น ตามการรายงานของ Psychology Today: (13)

"ผู้หญิงใช้ความรุนแรงและความถี่ของการจูบเพื่อประเมินความเหมาะสมของผู้ชายสำหรับความสัมพันธ์ระยะสั้นเช่นเดียวกับการตัดสินที่มีศักยภาพของความสัมพันธ์ระยะสั้นและการพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ในระยะยาว ผู้ชายใช้จูบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ระยะสั้นเพื่อเพิ่มโอกาสของการมีเพศสัมพันธ์ "

ผมเพิ่งโพสต์บทความที่กล่าวถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของการมีเพศสัมพันธ์ไปและเพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบได้อีกครั้งจึงได้นำลิงค์มาฝากในวันนี้อีกด้วย

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=684443055044053&id=100004350947568

และไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ การจูบหรือแม้กระทั่งการกอด สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานทางชีวภาพและส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราดังนั้น...

....คว้าคู่ของคุณในวันนี้...

ให้เขาหรือเธอจูบและกอดคุณ ความจริงนี้จะดีต่อสุขภาพและมีชีวิตที่สนุกสนานมากขึ้น

ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

สวัสดี

อ้างอิง :

CNN January 14, 2014
1 Psychology Today December 28, 2012
2 CNN January 14, 2014
3 Pediatr Dent. 2008 Sep-Oct;30(5):375-87.
4 MSN Healthy Living
5 J Comp Neurol. 2005 Dec 5;493(1):58-62.
6 MSN Healthy Living
7 MSN Healthy Living
8 CNN January 14, 2014
9 Evolutionary Psychology 5(3): 612-631
10 Psychology Today December 28, 2012
11 Western Journal of Communication 2009, Volume 73, Issue 2, 2009
12 Western Journal of Communication 2009, Volume 73, Issue 2, 2009
13 Psychology Today December 28, 2012