นอนกัดฟัน 1

7 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

รากการหมอนอกกะลา

ตอน นอนกัดฟัน 1

ความสัมพันธ์ระหว่างปรสิตที่ก่อการติดเชื้อในลำไส้และการนอนกัดฟัน

การวิจัยนี้จัดทำใน Isfahan ประเทศ อิหร่าน โดย
Maryam Haje Norouzali Tehrani,1 Nader Pestechian,2 Hoseinali Yousefi,3 Hajar Sekhavati,4 and Hajar Attarzadeh5
ในหมู่เด็ก 3-6 ปี

เพื่อหาข้อเท็จจริงของการนอนกัดฟันที่แพร่หลายในเด็กและความเสียหายของเนื้อเยื่อในช่องปาก
ผลการวิจัย : พบเชื้อปรสิตในเด็กถึง 19 คนจากเด็ก 50 คน และยังพบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างการติดเชื้อปรสิตและการนอนกัดฟัน

พวกเขาจึงสรุปไว้ว่า : ผลการวิจัยของเราได้แสดงให้เห็นว่าปรสิตอาจเป็นสาเหตุของการเริ่มต้นพฤติกรรมการนอนกัดฟันในหมู่เด็ก

ต่อไปนี้เป็นสูตรยาฆ่าพยาธิที่สามารถทำได้ด้วยตนเองจากส่วนผสมตามธรรมชาติ

-โอริกาโนตากแห้ง
ทั้งโอริกาโนตากแห้งและน้ำมันสกัดโอริกาโนเป็นสมุนไพรเอนกประสงค์ที่มีสรรพคุณในการต่อต้านพยาธิ เพียงเติมน้ำมันสกัดโอริกาโนสองสามหยดลงในน้ำดื่มผสมกับน้ำมะนาว และนำมาดื่มประมาณสามครั้งต่อวัน

-ขมิ้น
ใส่ขมิ้นลงในอาหารประจำวันหรือผสมน้ำดื่ม นอกจากนี้การนำขมิ้นผสมกับน้ำดื่มจะให้ผลเร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับการกำจัดพยาธิ

-โกฐจุฬาลัมพา
โกฐจุฬาลัมพาเป็นสมุนไพรที่มีรสขมและมีสรรพคุณเป็นเลิศในการกำจัดพยาธิในลำไส้เนื่องจากฤทธิ์ที่เป็นพิษสูงตามธรรมชาติ โกศจุฬาลัมพาจึงไม่สามารถรับประทานเปล่า ๆ ได้ วิธีรับประทานจะต้องนำโกฐจุฬาลัมพามาผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ แม้ว่าจะมีสรรพคุณสูงในการกำจัดพยาธิแต่สมุนไพรชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กเนื่องจากฤทธิ์ที่เป็นพิษตามธรรมชาติของมัน

-กานพลู
กานพลูเป็นสารต่อต้านจุลินทรีย์จึงมีสรรพคุณในการกำจัดพยาธิในลำไส้ ซึ่งจะสามารถทำลายทั้งไข่และตัวพยาธิในขั้นตอนเดียว ตลอดจนป้องกันการติดเชื้อในอนาคตได้ รับประทาน 1-2 ก้านทุกวันเพื่อป้องกันพยาธิในร่างกายของคุณ

-แครอท
แครอทเป็นที่รู้จักกันดีในสรรพคุณของการเป็นยากำจัดพยาธิ วิธีง่าย ๆ โดยขูดแครอทสองหัวแล้วรับประทานเมื่อท้องว่างเป็นอย่างแรกในตอนเช้าของวัน

-มะนาวกับสะระแหน่
ดื่มน้ำสาระแหน่หนึ่งถ้วยผสมกับเกลือดำและน้ำมะนาวเล็กน้อยเป็นประจำทุกวันเพื่อกำจัดพยาธิทุกชนิดในกระเพาะอาหารของคุณ

-มะพร้าวดิบ
รับประทานมะพร้าวขูดสามารถฆ่าพยาธิทุกชนิดในกระเพาะอาหาร หากคุณสงสัยว่าคุณมีพยาธิในกระเพาะอาหาร ให้รับประทานมะพร้าวขูดทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

-น้ำมันละหุ่ง
น้ำมันละหุ่งสองช้อนชา เพื่อกำจัดพยาธิให้ขับออกมากับอุจจาระ ทำซ้ำติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อบรรเทาอาการพยาธิในลำไส้

-เม็ดมะนาว
เม็ดมะนาวป่นสามารถฆ่าพยาธิและหยุดการเจริญเติบโตของมันในกระเพาะอาหาร นำเม็ดมะนาวมาป่นให้ละเอียดแล้วนำไปผสมน้ำดื่มหนึ่งแก้ว หรือสามารถนำเม็ดมะนาวมาเคี้ยวและรับประทานเปล่า ๆ ก็สะดวกไปอีกแบบ

-น้ำทับทิม
ทับทิมสามารถนำมารับประทานสด ๆ หรือคั้นเป็นน้ำดื่มก็ได้ เพิ่มทับทิมให้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารประจำวันเพื่อป้องกันการก่อกวนจากพยาธิ รักษากระเพาะอาหารของคุณให้สะอาดและมีสุขภาพดี

-เม็ดมะละกอ
เม็ดมะละกอที่มีสีดำที่เรามักจะโยนทิ้งลงในถังขยะมีสรรพคุณช่วยขจัดพยาธิออกจากร่างกายของเราได้ ก่อนที่จะโยนมันทิ้งครั้งต่อไป นำเม็ดมะละกอมาป่นให้เป็นแป้ง และรับประทานพร้อม ๆ กับเนื้อของมันเพื่อทำความสะอาดลำไส้ให้ปราศจากหนอนพยาธิทั้งหลาย

-มะเขือเทศ
หั่นมะเขือเทศสองลูกและเติมเกลือดำแล้วนำมารับประทานทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อราและพยาธิต่าง ๆ ในลำไส้และร่างกาย หากชอบคุณสามารถรับประทานมะเขือเทศสด ๆ เป็นสลัดก็ได้เช่นกัน

-กระเทียม
กระเทียมมีกลิ่นที่รุนแรงซึ่งมีสรรพคุณช่วยขจัดพยาธิจากกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้กระเทียมยังเป็นสารต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อราต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นยาที่สามารถขจัดจุลินทรีย์ในร่างกายไดเป็นอย่างดี รับประทานกระเทียมสดสองหรือสามกลีบต่อวันเพื่อป้องกันและกำจัดพยาธิ

-โยเกิร์ต
แบคทีเรียโพรไบโอติกเป็นตัวฆ่าพยาธิและรักษาอาการติดเชื้อราในกระเพาะอาหารที่มีประสิทธิภาพ การมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในกระเพาะอาหารของเราสามารถฆ่าพยาธิและป้องกันการเติบโตของเชื้อราได้

-น้ำผักดิบ
ดื่มน้ำผักดิบมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายของเรา น้ำผักมีสารอาหารที่สำคัญที่ร่างการสามารถดูดซึมได้ง่าย สารต่อต้านอนุมูลอิสระในน้ำผักยังช่วยเสริมสร้างการทำความสะอาดเซลล์เม็ดเลือดด้วยการกำจัดพยาธิและสารพิษในร่างกายได้

-น้ำส้มสายชูจากข้าว
น้ำส้มสายชูในทุกรูปแบบมีสรรพคุณรักษาโรคได้มากมายหลายชนิด ผสมน้ำส้มสายชูจากข้าวหนึ่งช้อนชาลงในน้ำดื่มหนึ่งแก้ว ความเป็นกรดทำลายพยาธิในกระเพาะอาหาร หากคุณมีอาการพยาธิในกระเพาะอาหารที่รุนแรง ให้ดื่มวันละ 3-4 เป็นประจำทุกวัน

ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

สวัสดี

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3177368/
1. Winocur E, Littner D, Adams I, Gavish A. Oral habits and their association with signs and symptoms of temporomandibular disorders in adolescents: a gender comparison. Oral Surg Oral Med Oral Pathol Oral Radiol Endod. 2006;102(4):482–7. [PubMed]
2. Graber TM, Vanarsdall RL. Orthodontics: Current Principles and Techniques. 3rd ed. Philadelphia: C.V. Mosby; 2000. pp. 326–8.
3. Christensen JR, Fields HW, Adair SM. Oral habits. In: Pinkham JR, editor. Pediatric dentistry: infancy through adolescence. Philadelphia: Elsevier Saunders; 2005. pp. 437–8.
4. Attanasio R. Nocturnal bruxism and its clinical management. Dent Clin North Am. 1991;35(1):245–52. [PubMed]
5. Cash RC. Bruxism in children: review of the literature. J Pedod. 1988;12(2):107–27. [PubMed]
6. Kuch EV, Till MJ, Messer LB. Bruxing and non-bruxing children: a comparison of their personality traits. Pediatr Dent. 1979;1(3):182–7. [PubMed]
7. Craig CF, Faust EC. Clinical Parasitology. 8th ed. Philadelphia: Lea and Febiger; 1970. p. 67.
8. Ormazdi H. Tehran University of Medical Sciences and Health Services. 1st ed. 2007. Medical Parasitology: Entomology; pp. 191–208.
9. Brown HW, Neva FA. Basic Clinical Parasitology. 5th ed. New York: Appleton-Century-Crofts; 1993. p. 130.
10. Arfaa F. Medical helminthology. Tehran: Dibaj Press; 2010. p. 185.
11. Bogitsh BJ, Cheng TC. Human Parasitology. 1st ed. London: Academic Press; 1990. pp. 215–30.
12. Athari A. Essential of Helminthology. 1st ed. Tehran: Noor va Danesh; 2002. pp. 37–47.
13. Cook GC, Zumla AI. Manson's Tropical Diseases. 21st ed. Philadelphia: Saunders Ltd; 2002. pp. 215–40.
14. Baghai M, Pestehchian N, Alavi Naeini Z. Infection with intestinal parasites in students of exceptional and ordinary city: 1375-1376 academic year. Journal of Isfahan University of Medical Sciences. 1999;4(2-3):62–5.
15. Menezes AL, Lima VM, Freitas MT, Rocha MO, Silva EF, Dolabella SS. Prevalence of intestinal parasites in children from public daycare centers in the city of Belo Horizonte, Minas Gerais, Brazil. Rev Inst Med Trop Sao Paulo. 2008;50(1):57–9. [PubMed]
16. Jacobsen KH, Ribeiro PS, Quist BK, Rydbeck BV. Prevalence of intestinal parasites in young Quichua children in the highlands of rural Ecuador. J Health Popul Nutr. 2007;25(4):399–405. [PMC free article] [PubMed]
17. Astal Z. Epidemiological survey of the prevalence of parasites among children in Khan Younis governorate, Palestine. Parasitol Res. 2004;94(6):449–51. [PubMed]
18. Waikagul J, Krudsood S, Radomyos P, Radomyos B, Chalemrut K, Jonsuksuntigul P, et al. A cross-sectional study of intestinal parasitic infections among schoolchildren in Nan Province, Northern Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2002;33(2):218–23. [PubMed]
19. Garsia LS. Diagnostic Medical Parasitology. 4th ed. Washington: American Society for Microbiology; 2001. pp. 14–8.
20. Diaz-Serrano KV, da Silva CB, de Albuquerque S, Pereira Saraiva MC, Nelson-Filho P. Is there an association between bruxism and intestinal parasitic infestation in children? J Dent Child (Chic) 2008;75(3):274–9. [PubMed]
21. Cazorla D, Acosta M, Garci’a E, Garvett M, Ruiz A. Enterobius vermicularis infection in preschool and schoolchildren of six rural communities from a semiarid region of Venezuela: A clinical and epidemiological study. Helminthologia. 2006;43(2):81–5.
22 .The wellness Journey

นอนกัดฟัน 1, santi manadee, สันติ มานะดี