รายการ หมอนอกกะลา
ตอน..บทสรุปสุดท้ายของการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ใครหลายคนรู้สึกมีความสุขกับการได้ร่วมซื้อ ร่วมสร้าง เครื่องฟอกไต ผมไม่นะ แต่กลับรู้สึกหดหู่..และเศร้าใจซะมากกว่า
....ทำไมเราไม่คิดต่างล่ะ..ไม่เป็นโรคไตไม่ได้เหรอ
!!! มาเข้าประเด็นกันเล๊ยยยยย!!!!
ยาที่อาจทำให้เกิดความเสียหายของต่อไต
Last Updated: Oct 19, 2015 | By Dr. Christine Princeton, D.O.
การรักษาด้วยยาเป็นสาเหตุของความเสียหายต่อไตหรือที่เรียกกันว่าเป็นพิษต่อไต (nephrotoxicity) หรือเมื่อรุนแรงก็คือ”ไตวาย”
อ้างอิงจากบทความในเดือนมกราคม / กุมภาพันธ์ 2013 "Aging well " ความว่า..ร้อยละ 20 ของผู้ที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันเกิดจากการใช้ยา เนื่องจากว่างานหลักของไตคือการกรองของเสียออกจากเลือด ไตจึงมีบทบาทสำคัญในการกำจัดยาจำนวนมากออกจากร่างกายซึ่งทำให้ไตอ่อนไหวมากต่อการได้รับบาดเจ็บซึ่งอาจจะเรียกคืนความเสียหายได้เมื่อหยุดยา แต่บางครั้งก็เป็นการเสียหายแบบถาวร ปัจจัยที่เพิ่มโอกาสในการได้รับความเสียหายของไตในผู้ได้รับการรักษาด้วยยาเช่น อายุ การสูญเสียน้ำ ความดันโลหิตต่ำ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและการใช้ยาหลายชนิดร่วมกันในเวลาเดียวกันซึ่งต่างก็ส่งผลเสียต่อไต
...ยาต้านการอักเสบ...
อ้างอิงจากบทความในเดือนมกราคม / กุมภาพันธ์ 2013 "Aging well " ทุกปีประมาณร้อยละ 5 ของคนที่รับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่มี
สเตียรอยด์ (nonsteroidal antiinflammatory drugs หรือยา NSAIDs) จะได้สัมผัสกับความเสียหายของไต ยากลุ่ม NSAIDs ใช้ในการรักษาอาการไข้ อักเสบและอาการปวดข้อซึ่งรวมถึง ibuprofen (Motrin) ,Celecoxib (Celebrex), naproxen (Aleve, Naprosyn) และ indomethacin (Indocin, Tivorbex)
วิธีการหนึ่งที่ยาเหล่านี้ทำงานคือการขยายหลอดเลือด แต่สิ่งนี้ก็สามารถลดการไหลเวียนของเลือดไปยังไตและอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไต นอกจากนี้ยาตระกูล NSAIDs ยังสามารถทำร้ายเนื้อเยื่อไตได้โดยตรง บางรายที่ไตเสียหายเนื่องจากยากลุ่ม NSAIDs จะไม่มีอาการ แต่จะตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจเลือดเกี่ยวกับการทำงานของไต รายอื่น ๆ จะมีอาการภายใน 3-7 วันหลังจากการกินยา NSAIDs ซึ่งสามารถดูได้จาก ปัสสาวะเริ่มน้อยลงไปจนถึงมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร มีเลือดในปัสสาวะ มีผื่น บวม มีอาการเซื่องซึมและสับสน ผู้สูงอายุที่ทุกข์ทรมานจากการขาดน้ำและผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำมีความเสี่ยงอย่างมหาศาลต่อความเสียหายของไต
...ยาความดันโลหิต...
ยาความดันโลหิตอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไตโดยการลดอัตราการกรองเลือดของไตนอกเหนือไปจากการลดการไหลเวียนของเลือดไปยังไต ตัวอย่างยา angiotensin-converting enzyme, ACE- inhibitors lisinopril (Prinivil, Zestril), ramipril (Accupril), captopril (Capoten) and enalapril (Vasotec), and the angiotensin receptor blockers, or ARBs, candesartan (Atacand), irbesartan (Avapro), losartan (Cozaar) and olmesartan (Benicar) แต่อย่างไรก็ตาม ACE-inhibitors และ ARBs มักจะถูกนำมาใช้จริงในการปกป้องไตจากผลกระทบของโรคเบาหวาน อีกกลุ่มหนึ่งของยาความดันโลหิตที่สามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อไต คือยาขับปัสสาวะเช่น hydrochlorothiazide (HydroDiuril), furosemide (Lasix), bumetanide (Bumex) and torsemide (Demadex) ความเสียหายของไตเนื่องจากยาขับปัสสาวะทำให้เกิดระดับของโพแทสเซียมในเลือดต่ำมากในขณะที่โพแทสเซียมในเลือดสูงจะพบในความเสียหายที่เกิดจากการใช้ยา ACE-inhibitors and ARBs
...ยาปฏิชีวนะ.....
แน่นอนยาปฏิชีวนะ- ยาที่ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย - สามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อไต ยาเหล่านี้บางตัวส่งผลกระทบต่อไตมากกว่าตัวอื่น ๆ Gentamicin (Garamycin) และ polymyxin E (Colistin) เป็นสองในตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุด ตัวอื่น ๆ ก็จะเป็น Rifampin (Rifampicin) และ Vancomycin (Vancocin) ยาเหล่านี้สามารถทำลายเซลล์ไตโดยทำลายเนื้อเยื่อหุ้มเซลล์ อาการของไตล้มเหลวจากยาพวกนี้ ได้แก่ ปัสสาวะน้อยและมักจะสีเข้ม ปัสสาวะปนเลือดและปวดกล้ามเนื้อ ดังนั้นถ้าได้รับยาปฏิชีวนะดังกล่าวควรได้รับการตรวจสอบการทำงานของไตโดยการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ
....ยาที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง....
ยาบางชนิดทำให้เกิดความเสียหายต่อไตหลังจากสร้างวิกฤติสลายกล้ามเนื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้วตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุดคือยาลดคอเลสเตอรอล ที่เรียกว่ายากลุ่ม statin ตัวอย่าง ได้แก่ simvastatin (Zocor) atorvastatin (Lipitor) และ pravastatin (Pravachol) เมื่อยาเหล่านี้ก่อให้เกิดการสลายตัวของเซลล์กล้ามเนื้อ ผลคือจะปล่อยโปรตีนที่เรียกว่า ไมโอโกลบิน (myoglobin) มาสู่กระแสเลือด ต่อมาโปรตีนตัวนี้ไปอุดตันระบบการกรองของไตที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อไต อาการรวมถึง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรงและปัสสาวะสีชา
ยาอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยานี้ ได้แก่ ยาแก้ซึมเศร้าบางชนิดและยาควบคุมอารมณ์เช่น doxepin (Zonalon) ,Amitriptyline (Elavil) fluoxetine (Prozac), lithium และ ยาจิตเวช haloperidol (Haldol)
..ยาอื่น ๆ...
มีอีกมากมายหลายหลากชนิดของยาที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไต รวมถึง acyclovir ซึ่งใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส ยารักษาโรคหัวใจ Ranitidine (Zantac) และ omeprazole (Prilosec) phenytoin (Dilantin) และยา allopurinol (Zyloprim) ซึ่งจะช่วยป้องกันการโจมตีจากความเจ็บปวด การอักเสบ ในโรคเกาต์
!!! คำเตือน
..ถ้าคุณใช้ยาที่กล่าวมาข้างต้นและคุณกำลังมีปัสสาวะน้อย ปัสสาวะเป็นสีเข้มหรือมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือปวดเมื่อย อ่อนล้ารุนแรงผิวช้ำง่าย มีผื่นบวมแดงหรือมีไข้ ผมแนะนำให้คุณปรึกษากับผู้ที่จ่ายยาเหล่านี้ให้คุณ
..หากคุณมีอาการหายใจลำบากหรือบวมที่ริมฝีปากของคุณหรือลิ้นหลังจากการกินยาเหล่านี้ ให้รีบหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ซะเพราะความเสียหายของไตมีแนวโน้มมากขึ้นถ้าหากคุณยังกินยาหลายชนิดร่วมกัน และที่สำคัญแจ้งแพทย์ผู้ดูแลคุณซะด้วยว่า...ร่างกายประกอบด้วยอะไร
ยารักษาโรคที่กล่าวข้างต้นไม่มีความจำเป็นต้องกินอย่างต่อเนื่องหรือตลอดชีวิตอย่างที่เข้าใจกันหรอกครับ ...เพียงแค่คุณปรับพฤติกรรมการกิน กินอาหารที่ดีๆ ...เครื่องฟอกไตก็จะไม่มีวันได้แตะต้องตัวคุณ
ด้วยรักและห่วงไต
สวัสดี
ขอบคุณ บทความของ Dr. Christine Princeton, D.O.