ถามมา-ตอบไป กับ นิ่วในไต

8 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

รายการ หมอนอกกะลา

ตอน ถามมา-ตอบไป กับ นิ่วในไต

ຫຼັງຈາກທີ່ໄດ້ພົບປະກັບຜູ່ປ່ວຍຄົນລາວ ກໍ່ມີຂໍ້ສັງເກດວ່າອາການປວດເມື່ອຍນຳຕົນນຳໂຕ ອາການປວດແອວບໍລິເວນໄຕ ມາຈາກອາຫານປະຈຳວັນທີ່ມີອອກຊາເລສູງຫຼາຍ ບົດຄວາມນີ້ອາດເປັນປະໂຫຍດ ຕໍ່ທ່ານເຫຼົ່ານັ້ນແນ່ ດ້ວຍຄວາມຫວັງດີຈາກໃຈຈິງ
ສະບາຍດີ

:อาหารประเภทใดที่ดิฉันควรกิน ดิฉันจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลเซียมสูงมั๊ยคะ

:แคลเซียมไม่ได้เป็นศัตรู หากคุณมีแคลเซียมในปัสสาวะสูง การลดโซเดียม(เกลือ)จะเป็นประโยชน์สำหรับการป้องกันนิ่ว แทนที่จะไปลดการบริโภคแคลเซียมซึ่งร่างกายต้องใช้งาน ให้มุ่งเน้นไปที่การจำกัด โซเดียมในอาหารและลดอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมกับออกซาเลต อย่างเช่นผักใบเขียวเข้ม เป็นต้น โซเดียมที่มากเกินไปทำให้คุณสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะของคุณและเพิ่มความเสี่ยงในก่อตัวของนิ่ว นักโภชนาการของคุณอาจจะแนะนำให้คุณจำกัด โซเดียมมาอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมในแต่ละวัน แหล่งที่มาของโซเดียมที่ "ซ่อน" อยู่ อาทิเช่นอาหารกระป๋องหรืออาหารฟ้าสต์ฟู๊ด ผมแนะนำให้คุณอ่านฉลากอาหารและคำนวณปริมาณของโซเดียมที่คุณกิน หากคุณไม่ได้มีแคลเซียมสูงในปัสสาวะแล้วล่ะก็ การป้องกันนิ่วก็เพียงแค่ปรับเปลี่ยนอาหาร แค่นั้นเองครับ

นิ่วในไตชนิดที่เป็นแคลเซียมออกซาเลตเป็นประเภทของนิ่วในไตที่พบบ่อยที่สุด มันทำให้เกิดอาการปวดหลังและปวดเมื่อยตามตัว ออกซาเลตพบตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิดรวมทั้งผักและผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืชธัญพืชหรือแม้กระทั่งช็อคโกแลตและชา ตัวอย่างบางส่วนของอาหารที่มีระดับของออกซาเลต สูงได้แก่ผักพื้นบ้าน ผักใบเขียวเข้ม ถั่วลิสง ผักขม หัวผักกาด ช็อคโกแลตและมันฝรั่งหวาน
ปริมาณของออกซาเลตในอาหารแตกต่างกันไปจาก คุณภาพดินและระยะความแก่หรือสุกของผักและผลไม้

หลายงานวิจัยแนะนำว่าการ”จำกัด”อาหารที่มีออกซาเลตสูงอาจช่วยลดโอกาสในการเป็นนิ่ว แต่อย่างไรก็ตามอาหารที่มีออกซาเลตสูงจำนวนมากมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะเข้มงวดมากเกินไปหากไม่จำเป็น นิ่วในไตส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อออกซาเลตจับกับแคลเซียมในขณะที่ปัสสาวะเคลื่อนที่ผ่านไต
งานวิจัยใหม่ๆชี้ให้เห็นว่าการรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมและออกซาเลตสูงไปพร้อมกันในระหว่างการรับประทานอาหารเป็นวิธีการที่ดีกว่าการจำกัดออกซาเลตอย่างสิ้นเชิงเพราะออกซาเลตและแคลเซียมมีแนวโน้มที่จะผูกกันในกระเพาะอาหารและลำไส้ก่อนผ่านกระบวนการทางไตที่จะเริ่มทำงานจึงทำให้มีโอกาสน้อยที่นิ่วในไตจะก่อตัว

:ผมมีนิ่วกรดยูริค มันคืออะไร ผมต้องกินและไม่กินอะไรครับ

:เป็นอีกชนิดหนึ่งที่พบบ่อยของนิ่วในไตซึ่งก็คือนิ่วกรดยูริค เนื้อแดงและหอยมีความเข้มข้นของสารเคมีธรรมชาติที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม พิวรีน ซึ่งนำไปสู่การผลิตกรดยูริคที่สูงขึ้นและจะสะสมเป็นผลึกในข้อต่อหรือเป็นนิ่วในไต

เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วกรดยูริค ควรลดอาหาร พิวรีน สูงเช่นเนื้อแดงเนื้อ เครื่องในและหอย พวกผักยอดอ่อน หรือหน่อที่เพิ่งงอกมาจากดิน แล้วหันมากินอาหารสุขภาพเป็นผัก ธัญพืชและผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันต่ำ จำกัดอาหารที่มีรสหวาน น้ำตาลและเครื่องดื่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มี
ฟรักโตสสูง จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะมันสามารถเพิ่มระดับกรดยูริคในเลือดและหลีกเลี่ยงการอดอาหารด้วยเหตุผลเดียวกัน
การรับประทานอาหารโปรตีนจากสัตว์ให้น้อยลงและการรับประทานผักให้มากขึ้นจะช่วยลดความเป็นกรดของปัสสาวะและจะช่วยลดโอกาสการเป็นนิ่ว

นอกจากนี้คุณควรแน่ใจว่าได้ดื่มน้ำอย่างน้อยสองลิตรครึ่งต่อวัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงสำหรับการก่อนิ่ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ชีวิตคุณสามารถลดความเสี่ยงของเกิดโรคเกาต์เพราะกรดยูริคสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคเกาต์เช่นกัน

นิ่วในไตเรื้อรังโดยทั่วไปจะรักษาโพแทสเซียมซิเตรท มีการศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่า น้ำมะนาวและผลไม้รสเปรี้ยวอื่น อาจมีประโยชน์ต่อการป้องกันนิ่วและเป็นที่เชื่อกันว่าซิเตรตในปัสสาวะอาจป้องกันไม่ให้แคลเซียมผูกกับองค์ประกอบอื่น ๆ ที่จะนำไปสู่นิ่ว นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าซิเตรตอาจป้องกันไม่ให้ผลึกที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันผูกพันกับแร่ธาตุอื่น ๆ
และดังนั้นจึงป้องกันพวกกันไม่ให้ใหญ่กว่าเดิม ย้ำอีกครั้ง..น้ำที่ผสมมะนาวมะนาวต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้งเพราะสามารถเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในไตได้อย่างแน่นอน

:มันจะช่วย หรือ ทำร้ายดิฉันมั๊ยคะถ้าจะใช้วิตามินหรืออาหารเสริมแร่ธาตุน่ะค่ะ

:วิตามินบี (ซึ่งรวมถึง thiamine, riboflavin, niacin, B6 และ B12) ยังไม่มีการรับรองใด ๆ ว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีนิ่วในไต และในความเป็นจริง บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่า B6 อาจช่วยคนที่มีออกซาเลตในปัสสาวะสูงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบกับนักโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้วิตามินซี, วิตามินดี, น้ำมันตับปลาหรืออาหารเสริมที่มีแคลเซียมและแม็กนีเซียมเนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดสามารถเพิ่มโอกาสของการก่อนิ่วในบางคน
ส่วนตัวผมนิยมใช้แร่ธาตุคีเลตเพื่อไปสลายพันธะระหว่างแคลเซียมกับ
อ็อกซาเลต
ด้วยความห่วงใยจากใจจริง

สวัสดี

:What type of diet should I follow? Will I have to avoid high calcium foods?

:Calcium is not the enemy. If you have high calcium in the urine then sodium reduction is helpful for stone prevention. Instead of reducing your calcium intake, focus on limiting the sodium in your diet and pair calcium-rich foods with oxalate-rich foods. Extra sodium causes you to lose more calcium in your urine, putting you at risk for developing another stone. Your doctor will probably advise you to limit sodium to 2,000 milligrams each day. There are many sources of "hidden" sodium such as canned or commercially processed foods as well as restaurant-prepared and fast foods. A dietitian help you understand food labels and make changes in the amount of sodium that you eat. If you do not have high calcium in the urine then for stone reduction you might be better off focusing on other dietary changes. Your doctor or registered dietitian can help determine if you need more or less calcium and help you plan a diet that is healthful.

:I had an oxalate stone. What type of diet should I follow? Do I need to avoid foods high in oxalate?

:Calcium oxalate kidney stones are the leading type of kidney stones. Oxalate is naturally found in many foods, including fruits and vegetables, nuts and seeds, grains, legumes, and even chocolate and tea. Some examples of foods that contain high levels of oxalate include: peanuts,
The oxalate content of food can vary due to differences in such things as soil quality and state of ripeness. There may be variation in published data, too, as different methods may be used to determine the oxalate content of food.
Some research suggests that limiting high oxalate foods may help reduce your chance of forming another oxalate stone. However, many high oxalate foods are healthful so it is wise to not overly restrict your diet if not necessary. Most kidney stones are formed when oxalate binds to calcium while urine is produced by the kidneys. New research indicates that eating and drinking calcium and oxalate-rich foods together during a meal is a better approach than limiting oxalate entirely because oxalate and calcium are more likely to bind to one another in the stomach and intestines before the kidneys begin processing, making it less likely that kidney stones will form.

:I had a uric acid stone. What does that mean? What type of diet should I follow?

:Another common type of kidney stone is a uric acid stone. Red meat and shellfish have high concentrations of a natural chemical compound known as a purine.
leads to a higher production of uric acid which then accumulates as crystals in the joints, or as stones in the kidneys.
To prevent uric acid stones, cut down on high-purine foods such as red meat, organ meats, and shellfish, and follow a healthy diet that contains mostly vegetables and whole grains, and low fat products. Limit sugar-sweetened foods and drinks, especially those that contain high fructose . Limit alcohol because it can increase uric acid levels in the blood and avoid crash diets for the same reason. Eating less animal-based protein and eating more vegetables will help decrease urine acidity and this will help reduce the chance for stone formation.

You should also be sure to drink at least three quarts (12 cups) of water a day to help reduce the risk for stone formation. Making these healthy lifestyle changes can also help reduce your risk for developing gout because high uric acid is a leading risk factor for gout.
Chronic kidney stones are often treated with potassium citrate. Studies have shown that limeade, lemonade and other fruits and juices high in natural citrate may offer similar stone-preventing benefits. It is believed that citrate in the urine may prevent the calcium from binding with other constituents that lead to stones. Also, some evidence suggests that citrate may prevent crystals that are already present from binding with each other, thus preventing them from getting bigger. Please note that juices made from actual limes and lemons contain higher levels of citrate and beware of the sugar content in juices, because this can increase kidney stone risk.
Will it help/hurt me to take a vitamin or mineral supplement?

The B vitamins (which include thiamine, riboflavin, niacin, B6 and B12) have not been shown to be harmful to people with kidney stones. In fact, some studies have shown that B6 may actually help people with high urine oxalate. However, check with your dietitian for advice on the use of vitamin C, vitamin D, fish liver oils or mineral supplements containing calcium and magmesium since some supplements can increase the chances of stone formation in some people.
I usually use chelated minerals to break down calcium- oxalate bond.

ขอขอบคุณ National Kidney Foundation 2015
ภาพสวย ๆ จาก Google

นิ่วในไต, นิ่ว, santi manadee, สันติ มานะดี