ฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula หรือ Fistula – in – ano) หรือฝีเรื้อรังที่ก้น
ทวารหนักเป็นช่องเปิดออกสู่ภายนอกของระบบย่อยอาหารของเรา ซึ่งอยู่ที่ส่วนล่างสุดของไส้ตรง อุจจาระของเราจะถูกขับออกจากร่างกายที่นี่ ภายในเยื่อบุทวารหนักมีต่อมเล็กๆ ที่สร้างน้ำมูก บางครั้ง การบาดเจ็บหรือการถลอก ต่อมเหล่านี้อาจอุดตันและติดเชื้อเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เกิดฝีได้ ฝีเป็นโพรงที่ติดเชื้อในทวารหนัก โดยส่วนใหญ่แล้วครึ่งหนึ่งของการสร้างฝีสามารถนำไปสู่การก่อตัวของช่องทวารได้
ฝีคัณฑสูตร คือ
โรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดขึ้นบริเวณทวารหนัก บริเวณแก้มก้น หรือรอบปากทวารหนัก จากการติดเชื้อของต่อมที่มีหน้าที่ผลิตมูก (Anal Gland) บริเวณทวารหนักจากเชื้อแบคทีเรียในอุจจาระ และของเสียหมักหมมจนเกิดเป็นฝีหนอง เมื่อหนองมีปริมาณมากขึ้นจะค่อย ๆ เซาะไปตามชั้นกล้ามเนื้อของทวารหนัก ทะลุมาชั้นผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก กลายเป็นทางเชื่อมระหว่างทวารหนักและผิวหนังภายนอก ที่เรียกว่า Fistula Tract
• ฝีคัณฑสูตรชนิดตื้น(Simple Fistula) มีการเชื่อมต่อระหว่างรูทวารกับผิวหนังเพียงหนึ่งทาง
• ฝีคัณฑสูตรชนิดลึก (Complex Fistula) เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารมากขึ้น อาจมีทางออกสู่ผิวหนังหลายทาง หรืออาจเชื่อมโยงกับอวัยวะข้างเคียง
สาเหตุของการเกิดฝีคัณฑสูตร
สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อหรือเป็นฝีที่ทวารหนักมาก่อน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่
• โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังชนิด Crohn’s Disease
• เครียดระหว่างการคลอดบุตรหรือการเคลื่อนไหวของลำไส้
• มีการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณทวารหนักลดลง
• กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักแน่นหรือกระตุกมากเกินไป
• การสอดวัตถุเข้าไปในทวารหนัก
• การติดเชื้อโรคบางชนิด เช่น Actinomycosis, Syphillis
• การติดเชื้อวัณโรค หรือ Chlamydia
• โรคมะเร็งทวารหนัก หรือโรคมะเร็งผิวหนังบางชนิดบริเวณรอบปากทวารหนัก
• บวมและเจ็บปวดบริเวณแก้มก้นด้านในหรือรอบ ๆ ทวารหนัก
• มีน้ำเหลืองซึมออกมาจากรูแผลที่ผิวหนังบริเวณทวารหนัก บางครั้งอาจมีเลือดปนหรือเป็นหนอง
• อาจมีอาการคันรอบ ๆ ทวารหนัก หรือผิวหนังรอบ ๆ ทวารหนัก เกิดการอักเสบ บวมแดง
ผู้ป่วยที่เป็นฝีคัณฑสูตรควรดื่มน้ำปริมาณมากและเพิ่มรายการอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยในอาหารประจำวัน ทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร :
ควินัว ลูกเดือย เมล็ดเจีย อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เต็มไปด้วยเส้นใย ไฟเบอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกายอย่างเหมาะสม ช่วยในการย่อยอาหารที่ดีและสะดวกขณะขับถ่าย ซึ่งช่วยลดความเครียดและความเจ็บปวด
ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักโขม และผักกวางตุ้ง ควรรวมอยู่ในอาหารประจำวันของคุณ นอกจากจะมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ มากมายแล้ว ผักสีเขียวยังเป็นแหล่งไฟเบอร์สูงอีกด้วย นอกจากจะทำให้คุณอิ่มนานขึ้นแล้ว ยังย่อยง่ายและช่วยขับถ่ายสะดวกอีกด้วย
ชั้นนอกของมันยังไม่ขัดซึ่งเต็มไปด้วยใยอาหารและมีผลดีต่อการลดอาการท้องผูก โดยมุ่งเป้าไปที่ทวารทวารโดยทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ราบรื่นขึ้น
มะพร้าวมีปริมาณเส้นใยสูง ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและช่วยให้ลำไส้มีความสม่ำเสมอ ในทางกลับกัน เนื้อมะพร้าวมีกรดไขมันสายโซ่ขนาดกลาง (MCFAs) จำนวนมาก ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดหนึ่งที่ร่างกายมนุษย์ย่อยได้ง่ายกว่าไขมันสัตว์มาก ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณแข็งแรง
ปลาบางชนิด โดยเฉพาะปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาทูน่า เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีเยี่ยม เช่น EPA และ DOHA โอเมก้า 3 ช่วยรักษาร่างกายที่ดีและแข็งแรง กรดไขมันเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำงานของลำไส้ที่ดี พวกมันสามารถทำงานเพื่อหล่อลื่นระบบทางเดินอาหารและทำให้อุจจาระไหลได้อย่างราบรื่น
ทั้งพรีไบโอติกและโพรไบโอติค มีความจำเป็นต่อลำไส้ที่ดีเป็นอย่างมาก แบคทีเรียชนิดดีช่วยนำสุขภาพดีกลับเข้าสู่ระบบลำไส้ของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้นและช่วยให้ลำไส้เรียบโดยมีอาการปวดหรือระคายเคืองน้อยลง
3.อาหารรสเผ็ดพร้อมพริกป่น
8. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
9. อาหารบรรจุกล่องแช่แข็ง
Paa vill
Synbc
K cal
Butterfly