ร่างกายประกอบด้วยอะไร
ตอนที่ 1
…น้ำ…
เป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 70 ของร่างกาย
อยู่ในเลือดถึงร้อยละ 92
ในสมองร้อยละ 85
ในเซลล์ร้อยละ 70
โดยปกติร่างกายต้องการน้ำประมาณ 2.5 ลิตรต่อวันสำหรับคนเอเชียอย่างเรา ๆ ส่วนในเด็กก็ต้องคอยเฝ้าดูอาการของการขาดน้ำ เช่น ปาก ตาและจมูกแห้ง จึงค่อยเพิ่มน้ำตามสมควร
หน้าที่ของน้ำในร่างกาย
ช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
ให้ความชุ่มชื้นต่อเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น ปาก ตา จมูก
หล่อลื่นข้อ
ป้องกันอวัยวะภายใน
ป้องกันภาวะท้องผูก
ช่วยขับของเสียผ่านทางไต
ละลายเกลือแร่และสารอาหาร
นำอาหารและออกซิเจนไปสู่ร่างกายและเนื้อเยื่อ
การดื่มน้ำที่ถูกต้อง
ในระหว่างเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้าร่างกายจะไม่ดูดซึมน้ำแต่จะส่งน้ำไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อเข้าสู่กระบวนการขับถ่าย ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะดื่มน้ำเท่าไหร่ น้ำนั้นก็จะมุ่งตรงไปยังลำไส้ใหญ่ ถ้าใครมีปัญหาการขับถ่ายก็ควรจะดื่มน้ำให้มากในช่วงเวลานี้
ระหว่างวัน
ไต จะควบคุมความต้องการน้ำโดยสั่งให้คอแห้งเมื่อเลือดข้นหรือหนืด การดื่มน้ำก็ควรดื่มแค่เล็กน้อยแต่บ่อย ๆเพื่อป้องการกันขยายตัวอย่างรวดเร็วของกระเพาะอาหารแล้วไปทำให้เส้นไตทับกับเส้นม้ามจนก่อให้เกิดอาการลงส้นเท้าไม่ได้หรือรองช้ำ
ก่อนอาหาร ก็แค่จิบ ๆ พอลื่นคอ เพื่อไม่ให้น้ำย่อยเจือจางเพราะเมื่อน้ำย่อยเจือจางจะทำให้อาหารย่อยได้ลำบาก หลังอาหารก็จิบ ๆ พองามแล้วรอให้กระบวนการย่อยทำงานเสร็จสมบูรณ์ราว 40 นาที เมื่อสารอาหารที่ผ่านการย่อยเรียบร้อยแล้วถูกดูดซึมและนำไปใช้ เลือดก็จะข้นขึ้น ถึงตอนนี้ไตจะสั่งให้คอแห้งโดยอัตโนมัติจึงค่อยดื่มน้ำ
...โปรตีน...
เป็นส่วนประกอบ 75 % ของร่างกายของเราเมื่อไม่รวมน้ำหรือ 15% โดยรวม
สำหรับบุคคลทั่วไปนั้น องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า โดยปรกติแล้วร่างกายจะต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 50 กรัมต่อวันต่อคน
การรับประทานโปรตีนมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น
หากได้รับโปรตีนมากเกินไป...ร่างกายจะกำจัดโปรตีนที่เกินมาโดยอาศัยการทำงานของตับ โปรตีนจะถูกย่อยและถูกดูดซึมในรูปของกรดอะมิโนและถูกเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของยูเรีย และขจัดออกมาทางปัสสาวะ นอกจากนี้ร่างกายจะเปลี่ยนกรดอะมิโนบางส่วนให้เป็นรูปไขมันและคาร์โบไฮเดรต สะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้น การได้รับโปรตีนเกิดความต้องการในแต่ละวันอาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเพิ่มความเสื่อมให้ร่างกาย
"ควรทานโปรตีนมื้อละไม่เกิน 30 กรัม" เพราะว่าร่างกายดูดซึมได้เพียงเท่านี้
น้ำหนักเฉลี่ยมาตรฐานของคนทั่วไป อยู่ที่ 60 กก.
- ระดับไขมันมาตรฐานคือ 15-16%
- เราสามารถทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้มื้อละ 0.6 กรัม ต่อน้ำหนัตัว 1กก.
ซึ่งเมื่อเราคำนวณกลับแล้ว ก็คือ น้ำหนัก 50 กก.(แบบไม่มีไขมัน) สามารถทานโปรตีนได้ครั้งละ 30 กรัม
ตัวอย่างเช่น นาย ก มีน้ำหนักตัวมากกว่านี้ เช่น หนัก 90 กก. มีไขมันร่างกาย 10% สามารถทานโปรตีนได้
(90 x 0.9) =81 กก. (แบบไม่มีไขมัน) x 0.6 = 48.6 กรัม
ดังนั้น นาย ก จึงสามารถทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้มื้อละ 48.6 กรัม
ทำไมถึงไม่ควรทานเกินความต้องการ
1. ร่างกายมีการสร้างน้ำย่อยจำกัด การทานเนื้อสัตว์มากเกินไป ร่างกายย่อยได้ไม่หมดแน่นอน
2. ร่างกายมีการดูดซึมกรดอะมิโนเข้าสู่ร่างกายจำกัดเช่นกัน ซึ่งนี่คือ หัวใจหลักเพราะถ้า ร่างกายได้รับกรดอะมิโนมากเกินความต้องการ ก็จะกำจัดส่วนของไนโตรเจนทิ้ง ในรูปของยูเรีย และขับออกมาทางปัสสาวะ ส่วนโครงสร้างที่เหลือ ก็จะเอาไปใช้เป็นพลังงาน แต่ถ้าพลังงานในส่วนของคาร์บ และไขมัน เกินความต้องการแล้ว โครงสร้างของโปรตีนส่วนนี้ก็จะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของพลังงานสำรอง ก็คือ "สะสมในรูปของไขมัน"
สัดส่วนที่ร่างกายต้องการ
ในกระดูก มีโปรตีนประกอบอยู่ 1 ใน 5
ในกล้ามเนื้อ มีโปรตีนประกอบอยู่ 1 ใน 3
ในผิวหนัง มีโปรตีนประกอบอยู่ 1 ใน 10
ปัจจัย ๒ ประการ ที่ควรคำนึง
คือ อาหารที่กินมีปริมาณและคุณภาพของโปรตีนอย่างไร และตัวผู้กินอายุเท่าไร ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่หรือเปล่า ตลอดจนมีอาการเจ็บป่วยอยู่หรือไม่ ความต้องการของโปรตีนลดลงตามอายุ เมื่อแรกเกิดเด็กต้องการโปรตีนวันละประมาณ 2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ความต้องการดังกล่าวนี้ลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งตั้งแต่อายุ ๑๙ ปีขึ้นไป ต้องการโปรตีนเพียง 0.6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะเด็กต้องการโปรตีนไปสร้างเนื้อเยื่อต่างๆในการเจริญเติบโต ส่วนผู้ใหญ่แม้ว่าการเจริญเติบโตหยุดแล้ว แต่ยังต้องการโปรตีนไว้ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอไป ส่วนหญิงตั้งครรภ์ต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นอีกวันละ 30 กรัม เพื่อนำไปใช้สำหรับแม่และลูกในครรภ์ แม่ที่ให้นมลูกต้องกินโปรตีนเพิ่มอีกวันละ 20 กรัม เพราะการสร้างน้ำนมต้องอาศัยโปรตีนจากอาหาร
สวัสดี