ไม่สามารถจะอธิบายจุดจบที่สารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อสามารถทำร้ายร่างกายของเราได้ มันอาจเริ่มต้นจาก เพิ่มการผลิตฮอร์โมนบางชนิด ลดการผลิตฮอร์โมนบางตัว เลียนแบบฮอร์โมน เปลี่ยนฮอร์โมนตัวหนึ่งให้เป็นอีกตัวหนึ่ง รบกวนสัญญาณฮอร์โมน บอกเซลล์ให้ตายก่อนกำหนด แข่งขันกับสารอาหารที่จำเป็น ผูกกับฮอร์โมนที่จำเป็น สะสมในอวัยวะที่ผลิตฮอร์โมนและอีกมากมาย
และจะหยิบยก 12 สารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อที่เลวร้ายที่สุดมาให้อ่านกัน แต่ไม่สามารถรวบรวมไว้ในบทความเดียวเนื่องจากเนื้อหาจะยาวเกินไปและตัวที่เลวร้ายที่สุดและมีโอกาสได้สัมผัสตั้งแต่แรกเกิดก็คือ
1.BPA
Bisphenol A (4,4’-Isopropylidenediphenol)’ หรือรู้จักกันในชื่อ ‘BPA’ นั้นเป็นองค์ประกอบหลักของ‘พอลิคาร์บอเนต’ ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่แข็งและใส พลาสติกชนิดนี้จะมีสัญลักษณ์การรีไซเคิลพลาสติกเป็นหมายเลข ‘7’ หรือ ‘other’
พลาสติกพอลิคาร์บอเนตมักใช้ทำขวดน้ำ ขวดนมเด็ก บรรจุภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น เลนส์สัมผัส ซีดี สารอุดฟัน เครื่องมือแพทย์และทันตกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์กีฬา สาร BPA นี้มักถูกชะออกมาจากพลาสติกพอลิคาร์บอเนต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภาชนะพลาสติกดังกล่าวบรรจุของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือถูกทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรงหรือของเหลวที่มีอุณหภูมิสูง
ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มจากขวดพอลิคาร์บอเนตจะมีระดับสาร BPA สูงกว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มจากบรรจุภัณฑ์อื่นถึงสองในสามเท่า เช่นเดียวกับเด็กเล็กที่ดูดนมจากขวดก็พบว่ามีระดับของสารดังกล่าวสูงกว่าเด็กที่ดูดนมจากเต้า
อย่างไรก็ตาม นอกจากพลาสติกพอลิคาร์บอเนตแล้วยังมีแหล่งปล่อยสาร BPA สำคัญที่หลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนนั่นคือ “กระป๋องที่บรรจุอาหารและเครื่องดื่ม” โดยสารดังกล่าวนี้เป็นองค์ประกอบของ “อิพอกซีเรซิน (epoxy resin)” ที่เคลือบภายในกระป๋องเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้อาหารสัมผัสกับโลหะโดยตรง
แม้จะมีรายงานว่า พบสาร BPA ได้ในโซดากระป๋องในปริมาณที่ต่ำก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์สุขภาพประเทศแคนาดายังถือว่าเป็นระดับที่วัดได้ นอกจากนี้ยังมีแหล่งปล่อยสาร BPA ที่ส่งผ่านจากมือไปยังปากและเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านระบบทางเดินอาหารอีกแหล่งหนึ่งก็คือ กระดาษไร้คาร์บอน (carbonless paper) หรือที่เรียกกันว่ากระดาษเอ็นซีอาร์หรือกระดาษเคลือบสารเคมี เป็นกระดาษที่ใช้เขียนบิลมีสำเนาในตัว รวมถึงกระดาษความร้อน (thermal paper) ที่ใช้ทำเป็นตั๋วหนัง ฉลากและตั๋วเครื่องบินอีกด้วย
แม้ว่าสาร Bisphenol A ไม่ได้เป็นสารที่มีพฤติกรรมเหมือนสารพิษอย่างแร่ใยหินที่ก่อให้เกิดมะเร็งก็ตาม แต่คุณต้องการให้สารเคมีที่เลียนแบบฮอร์โมนเพศหญิง(เอสโตรเจน)อยู่ในร่างกายหรือไม่.... สารดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากมันเป็นสารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ (endocrine disruptor) ชนิดที่เลียนแบบพฤติกรรมของฮอร์โมนเอสโตรเจนในธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการผลิต การหลั่ง การขนย้าย และการกำจัดฮอร์โมนธรรมชาติที่อยู่ภายในร่างกาย
ตามปกติแล้วร่างกายจะไวต่อระดับเอสโตรเจนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเอสโตรเจนเป็นสารที่สามารถควบคุมการเจริญและช่วยซ่อมแซมอวัยวะและเนื้อเยื่อได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ดังนั้นการที่ BPA เลียนแบบพฤติกรรมของเอสโตรเจนได้ ก็หมายถึง BPA จะไปเปลี่ยนแปลงระดับของเอสโตรเจนได้ด้วย แม้ระดับของเอสโตรเจนเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลไปยังเซลล์ต่างๆของร่างกายได้อย่างรวดเร็วและลองจินตนาการสิว่า... ถ้ามันอยู่ในเพศชาย...อะไรจะเกิดขึ้น
ผลกระทบที่เกิดจากการทำงานของ BPA
ทำให้ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
ส่งผลให้เป็นโรคหัวใจในผู้หญิงและในผู้ใหญ่
ทำให้ฮอร์โมนในเพศชายมีการเปลี่ยนแปลง
ทำให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
มีผลต่อการทำงานของสมอง ความจำและการเรียนรู้
มีผลต่อคุณภาพของไข่ในเพศหญิง
ลดประสิทธิภาพการรักษาด้วยเคมีบำบัดในผู้ป่วย
ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม
ทำให้เกิดโรคหืดหอบ
แน่นอนที่สุดเราสามารถป้องกันมิให้สาร BPA จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรารั่วไหลมาถึงตัวเราให้น้อยที่สุดได้หลายทาง เริ่มตั้งแต่การไม่นำบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่บรรจุอาหารเข้าเตาไมโครเวฟ เนื่องจากความร้อนสามารถทำให้ BPA ที่มีอยู่รั่วออกมาเพิ่มได้หรือหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกที่เก่ามากหรือมีรอยขูดขีด หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องล้างจานหรือน้ำยาทำความสะอาดที่ออกฤทธิ์แรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาชนะที่ใช้กับเด็กทารกและเด็กเล็ก เพราะจะทำให้เกิดรอยขูดขีดหรือเนื้อพลาสติกโดนทำลายได้ง่ายขึ้นและส่งผลให้สาร BPA ที่อาจมีอยู่ในเนื้อพลาสติกรั่วออกมาได้
นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับที่สถาบันกรีนไกด์ (Green Guide Institute) ได้แนะนำวิธีการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสาร BPA อาทิ เปลี่ยนขวดนมของเด็กหรือภาชนะบรรจุของเหลวของผู้ใหญ่เป็นขวดแก้ว หรือเปลี่ยนมาใช้ขวดพอลิพรอพิลีนที่มีสัญลักษณ์รีไซเคิลพลาสติกเป็นหมายเลข ‘5’ จำกัดปริมาณอาหารกระป๋องหรือซื้อจากผู้ผลิตที่ไม่ได้ใช้สาร BPA บุภายในกระป๋อง ซื้อซุปหรือนมที่บรรจุกล่องกระดาษแข็งที่บุภายในด้วยอลูมิเนียมและพอลิเอทิลีนที่ปลอดภัยกว่าหรือแม้กระทั่งซื้อผักหรือผลไม้ที่บรรจุในขวดโหลแก้วเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้ปลอดสาร BPA (BPA free) แต่บรรจุภัณฑ์ดังกล่าวเป็นข้อกังขาว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ รวมทั้งยังมีผลงานวิจัยและทดสอบที่รายงานว่า สาร bisphenol s หรือ BPS (4,4’-Dihydroxy Biphenyl Sulfone) ที่นำมาใช้ทดแทนสาร BPA ก็ยังมีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตไปไม่น้อยกว่าสาร BPA เลย
นอกจากนี้ยังมีการรายงานว่า พบสาร BPA ในปัสสาวะผู้ทดสอบมากกว่าสองพันชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกาถึงร้อยละ 93 ในปีค.ศ.2003-2004 และ ในปีค.ศ. 2012 พบสาร BPS ในตัวอย่างปัสสาวะจากประชาชนในเมืองอัลบานี รัฐนิวยอร์กถึงร้อยละ 97 เลยทีเดียว
นอกจากรหัสพลาสติก (Plastic Resin Codes) จะบ่งบอกชนิดของพลาสติกที่มีประโยชน์ต่อการรีไซเคิลแล้ว เราอาจใช้มันเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการใช้งานโดยเฉพาะกับอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงสารที่อาจเป็นอันตรายที่เข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับการรั่วไหลของสาร BPA จากพลาสติก สภาผู้ประกอบสารเคมีอเมริกัน (American Chemistry Council) อ้างว่าปริมาณ BPA ที่หลุดออกจากพลาสติกนั้นมีปริมาณที่น้อยมากจนไม่น่ากังวล (อ้างอิงจาก : https://plasticsinfo.org/Functional-Nav/…/Polycarbon-Plastic) แต่..ป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข
2.ไดออกซิน (Dioxin)
ไดออกซินทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน… แต่ไม่ใช่ในทางที่ดี!!!!
พวกมันก่อตัวขึ้นในกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายอย่างและเริ่มต้นเมื่อคลอรีนหรือโบรมีนถูกเผาไหม้ในภาวะที่มีคาร์บอนและออกซิเจน ไดออกซินสามารถรบกวนด้วยวิธีการที่ละเอียดอ่อนต่อการส่งสัญญาณฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงในร่างกาย นี่คือสิ่งที่ไม่ดี!!!
งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่าการได้รับสารไดออกซินในระดับต่ำในครรภ์และในวัยเด็กอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของตัวอสุจิอย่างถาวรและลดจำนวนตัวอสุจิในผู้ชายในช่วงวัยเจริญพันธุ์ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด!
สารไดออกซินมีอายุที่ยาวนานและสร้างขึ้นทั้งในร่างกายและในห่วงโซ่อาหาร มันเป็นสารก่อมะเร็งที่ทรงพลังและยังสามารถส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบสืบพันธุ์
นับว่าค่อนข้างยากต่อการหลีกเลี่ยงเนื่องจากการปล่อยสารไดออกซินในอุตสาหกรรมยังคงมีอย่างต่อเนื่องและปนเปื้อนในอาหารอย่างกว้างขวางไดออกซินสามารถสะสมได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ได้ เนื่องจากละลายในไขมันได้ดีและอาจเป็นสารก่อให้เกิดความพิการตั้งแต่กำเนิดการกลายพันธุ์และสารก่อมะเร็งในมนุษย์ มันจึงถูกจัดให้เป็นสารอันตรายในอาหาร (food hazard) ประเภทอันตรายทางเคมี (chemical hazard) ซึ่งปนเปื้อนในอาหารโดยไม่เจตนา
ความเก่งของไดออกซินคือสามารถสะสมในเซลล์ไขมันของสิ่งมีชีวิตและมีความคงตัวสูง มันตกค้างในสิ่งแวดล้อมได้นาน (Half life in human: 7.8-132 ปี)
แหล่งเกิด Dioxin/Furans
1. กระบวนการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ chlorinated phenols, chlorinated solvents รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ อุตสาหกรรมฟอกย้อม สิ่งทอ เครื่องหนัง
2. กระบวนการเผาไหม้อุณหภูมิสูง เช่น เตาเผากากของเสีย เตาเผาขยะ เตาเผาศพ
3. การผลิต/หลอมโลหะประเภทเหล็กและโลหะ
4. คลอรีนในกระบวนการฟอกกระดาษ
5. ควันบุหรี่ กระดาษกรองกาแฟผงและกล่องนม
6. การเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ร่วมกับสาร anti knock
7. การเผาไหม้สารเคมีการเกษตรกลุ่ม organochlorine
8. การเผาขยะ การเผาไหม้ต่างๆ
9. กระบวนการผลิตสารเคมีบางชนิด เช่น chlorobenzene, 1,2,4-trichlorobenzene เป็นต้น
โอกาสการปนเปื้อนของไดออกซินในอาหาร
ไดออกซินสามารถตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานานและผ่านห่วงโซ่อาหารมาถึงคนได้การได้รับสารนี้จึงมิได้มาจากทางผิวหนังหรือการสูดดมเท่านั้น การบริโภคอาหารจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่จะได้รับไดออกซิน
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
แหล่งข้อมูลอ้างอิงและเพิ่มเติม
https://saferchemicals.org/chemicals/bpa-bps/
https://www.bisphenol-a.org/human/epoxycan.html
https://www.medicalnewstoday.com/articles/221205.php
https://www.niehs.nih.gov/health/topics/agents/sya-bpa/
https://www.wisegeek.com/what-is-an-epoxy-coating.htm
https://www.bisphenol-a-europe.org/index.php…
https://science.howstuffworks.com/env…/green-science/bpa.htm
https://www.bibliotecapleyades.net/…/ciencia_industryweapon…
https://www.kerngoldenempire.com/…/how-to-avoid-bpa-and-its…
https://www.chemtrack.org/Chem-Detail.asp…
https://www.chemicalbook.com/ProductChemicalPropertiesCB585…
https://www.breastcancerfund.org/…/bpa-in-thanksgiving-cann….
http://www.fisheries.go.th/quality/dioxins.pdf
ไดออกซิน ( Dioxins) โดย น.สพ. เสริมพันธุ์ สุนทรชาติ กลุ่มงานพิษวิทยาและชีวเคมี สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ
ไดออกซิน (Dioxins) โดย ประธาน ประเสริฐวิทยาการ
Dioxin - Seveso ค.ศ. 1976 โดย รศ. สุชาตา ชินะจิตร
SCIENTIFIC REPORT OF European Food Safety Authority (EFSA) . Results of the monitoring of dioxin levels in food and feed