อ้วนจากยาคุมกำเนิดและการแก้ไข

6 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

ตอน..อ้วนจากยาคุมกำเนิดและการแก้ไข

นอกเหนือจากการหยุดกิน หวาน นม นมถั่วเหลือง เห็ด ผลไม้หวานและขนมปังแล้วการกินอาหารที่ไม่แปรรูปหรือผ่านกระบวนการ การกินอาหารกากใยเพื่อเพิ่มไฟเบอร์ การกินอาหารฤทธิ์ร้อนไม่ว่าจะเป็นขิง ขมิ้น พริกไทยหรืออื่น ๆ ที่เข้าปากแล้วร้อน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การอบตัว การนอนหลับที่ดีและการจัดการกับความเครียดแล้ว ...ต่อไปนี้เป็นการจัดการกับเซลล์ที่เสียหายจากยาคุมกำเนิด

โภชนบำบัด (nutritional supplements)

วิตามิน A : เพิ่มการดูดซึมสารอาหารโดยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบทางเดินอาหารและเมื่อได้รับร่วมกับวิตามิน C และ E พวกเขาจะช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายมีความทนทานต่อการติดเชื้อจากพาราสิตและการเจริญเติบโตของยิสต์และเชื้อราซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของการมีน้ำหนักเกิน นอกจากนี้ วิตามิน A ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิต thyroxin (ฮอร์โมนไทรอยด์)และช่วยให้ต่อมไทรอยด์ดูดซับไอโอดีนซึ่งเป็นแร่ธาตุหลักของต่อมไทรอยด์ได้ดี

วิตามินเอจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

1.อยู่ในรูปแบบวิตามินอยู่แล้ว (Proformed Vitamin A) หรือเรียกว่า Retinol ซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ เช่น น้ำมันตับปลา อาหารประเภทเนื้อ ไข่ ตับและเครื่องใน

2.กำลังจะเป็นวิตามินเอ (Provitamin A) หรือเรียกว่า เบต้า แคโรทีน (Beta-Carotene) เป็นสารที่เมื่อเข้าสู่รางกายจึงได้รับการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ พบมากในผักสีต่างๆ เช่น แครอท ผักโขม โดยร่ายกายคนเราต้องการวิตามินเอในแต่ละวันอยู่ที่วันละ 4,000-5,000 IU

ชนิดของอาหารที่มีวิตามินเอสูง

1.มันหวาน ที่มีเนื้อข้างในออกสีเหลืองส้ม นำไปนึ่ง ต้ม หรือเผา เมื่อนำมารับประทานจะมีรสชาติหวานมันซึ่งในมันหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆโดยมันหวานปริมาณ 100 กรัมมีวิตามินเอสูงถึง 19,218 IU

2.ผักตำลึง
ผักตำลึงปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 18,608 IU

3.แครอท
แครอทเป็นอีกหนึ่งชนิดของอาหารที่เป็นแหล่งวิตามินเอชั้นยอดซึ่งแครอทปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 17,033 IU

4.ตับวัว
ตับวัวปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 13,621 IU

5.เคล (Kale)
เคลเป็นผักตระกูลเดียวกับผักคะน้าอีกทั้งรสชาติก็คล้ายคลึงกันมาก และถูกยกให้เป็นราชินีแห่งผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและหนึ่งในสารอาหารที่มีอยู่สูงก็คือวิตามินเอ โดยเคลปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 13,621 IU

6.ฟักทอง
ฟักทองปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 11,155 IU

7.ผักกาดหวาน
ผักกาดหวานก็เป็นอีกผักใบเขียวที่มีวิตามินและเกลือแร่สูงซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีวิตามินเอที่สูง โดยผักกาดหวานปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 8,710 IU

8.เอพริคอตแห้ง
เอพริคอตแห้งปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 12669 IU

9.แคนตาลูป
แคนตาลูปปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 3,382 IU

10.พริกหวานแดง
พริกหวานสีแดงปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 3,131 IU

11.ปลาทูน่า
ปลาทูน่าปลาทูน่าปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินเอสูงถึง 2,520 IU

12.ผักปวยเล้ง
ผักปวยเล้งปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินเออสูงถึง 2,813 IU

13.บลอคโคลี่
บลอคโคลี่ดิบปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินเอ 567 IU

14.ไข่
ไข่ 1 ฟอง มีวิตามินเออยู่ถึง 302 IU

วิตามิน B1 (thiamin) และ B2(riboflavin) : เป็นตัวหลักในการสร้างเยื่อเมือก การสร้างเม็ดเลือดแดงและเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท การขาดวิตามิน B1 นำไปสู่น้ำตาลในเลือดที่ไม่สมดุล

อาหารที่มีวิตามินบี 1 สูง

เนื้อสัตว์ - เนื้อหมู ตับ ปลาดุก ปลาทูนึ่ง ไข่
ผัก - ผักชีลาว ผักแขยง ยอดอ่อนของมะกอก พริกหวาน ยอดฟักข้าว
ธัญพืช - ข้าวกล้อง เมล็ดฟักทองแห้ง ถั่วลิสงต้ม ถั่วเขียว รำข้าว ลูกเดือย ข้าวหอมมะลิ ข้าวซ้อมมือ ข้าวมันปู ข้าวเหนียว งาขาว งาดำ ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วแระ

อาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง

ย้ำ..ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด ยาแก้ซึมเศร้า ยาโรคจิตจะมีโอกาสขาดวิตามินตัวนี้ได้สูง

1.ชีส
ชีสปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่ถึง 1.38 มิลลิกรัม

2.ตับวัว
เราจะพบไรโบฟลาวินได้ง่ายในเนื้อสัตว์และเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับวัวถือเป็นแหล่งที่สำคัญของไรโบฟลาวินเลยโดยตับวัวปริมาณ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 2 อยู่ประมาณ 2.9 มิลลิกรัม

3.ไข่
ไข่1 ฟองใหญ่ มีวิตามินบี 2 อยู่ 0.228 มิลลิกรัม

4.ปลาหมึก
ปลาหมึกปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่ถึง 0.46 มิลลิกรัม

5.เนื้อหมู (สันนอก)
เนื้อหมู (สันนอก) ปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่มากถึง 0.51 มิลลิกรัม

6.ปลาทู
ปลาทูปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่ถึง 0.58 มิลลิกรัม

7.ผักปวยเล้ง
ผักปวยเล้งปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่ถึง 0.24 มิลลิกรัม

8.เมล็ดอัลมอลด์
เมล็ดอัลมอลด์ปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 2 อยู่ถึง 1.45 มิลลิกรัม

9.โยเกิร์ต (รสธรรมชาติ)
โยเกิร์ตปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 2 อยู่มากถึง 0.57 มิลลิกรัม

10.งา
งาปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 2 อยู่ 0.47 มิลลิกรัม

11.ปลาแซลมอล
ปลาแซลมอลปริมาณ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 2 อยู่ 0.135 มิลลิกรัม

วิตามิน B3 (niacin) : จำเป็นมากสำหรับการขนส่งออกซิเจนในเลือดและการสร้างกรดไขมัน (fatty acid)รวมถึงกรดนิวคลีอิก (Nucleic acid) เป็นสารชีวะโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ทำหน้าที่เก็บและถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุ์กรรมของสิ่งมีชีวิตจากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นต่อไปให้แสดงลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังจำเป็นสำหรับการสร้างเอ็นไซม์มากกว่า 150 ชนิดในร่างกาย – ปราศจากเอ็นไซม์เหล่านี้-ระบบการผลิตพลังงานของร่างกายจะปิดตัวลง

อาหารที่มีวิตามิน B3 สูง

1.ไก่งวง
โดยเฉพาะช่วงอกของไก่งวงจะมีไนอะซินหรือวิตามินบี 3 อยู่สูงมาก แค่เลือกทานขนาด 1 ชิ้นก็จะได้รับวิตามินบี 3 สูงถึง 101 มิลลิกรัม

2.อกไก่
อกไก่ปริมาณ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 3 อยู่มากถึง 8.9 มิลลิกรัม

3.ถั่วลิสง
ถั่วลิสงปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 3 อยู่มากถึง 21.9 มิลลิกรัม

4.ตับ
ตับขนาด 1 ชิ้นสไลด์ มีวิตามินบี 3 อยู่มากถึง 11.9 มิลลิกรัม

5.ปลาทูน่า
นอกจากจะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 แล้วปลาทูน่าปริมาณ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 3 อยู่ถึง 11.3 มิลลิกรัม

6.หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 3 อยู่ประมาณ 1 มิลลิกรัม

7.เนื้อวัว
เนื้อวัวไม่ติดมันปริมาณ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 3 อยู่มากถึง 7.6 มิลลิกรัม

8.เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 3 อยู่ถึง 3.8 มิลลิกรัม

9.อะโวคาโด
อะโวคาโดขนาด 1 ลูก มีวิตามินบี 3 อยู่ถึง 3.5 มิลลิกรัม

10.เนื้อหมู
เนื้อหมูไม่ติดมันปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 3 อยู่ถึง 10.9 มิลลิกรัม

11.ข้าวกล้อง
ข้าวกล้องปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 3 อยู่ 2.98 มิลลิกรัม

12.บล็อคโคลี่
บล็อคโคลี่ปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 3 อยู่ประมาณ 0.64 มิลลิกรัม

13.ถั่วลันเตา
ถั่วลันเตาปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 3 อยู่ถึง 3 มิลลิกรัม

14.พริกหวาน
พริกหวานปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 3 อยู่ประมาณ 1 มิลลิกรัม

วิตามิน B5 (pantothenic acid) : จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ฮอร์โมนและสนับสนุนการทำงานของต่อมหมวกไต ซึงเป็นต่อมไร้ท่อ (endocrine gland) ผลิตฮอร์โมนสำคัญๆหลายชนิดตั้งอยู่เหนือไตทั้ง2ข้าง มีหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของโลหิตและการหดตัวของเลือด

ต่อมหมวกไตแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ
ต่อมหมวกไตส่วนนอก (Adrenal cortex) สร้างฮอร์โมนกลุ่มเกย์สเตอรอยด์ได้แก่ กลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมเมตาบอลิซึมของน้ำตาล ไขมัน ต่อต้านการอักเสบ

อัลโดสเตอโรน (aldosterone) เพิ่มการดูดกลับของเกลือในไต
เทสโทสเตอโรน เพิ่มลักษณะของร่างกายที่เป็นเพศชายและการเติบโต

ต่อมหมวกไตส่วนใน (Adrenal medulla) สร้างฮอร์โมนอีพิเนฟฟริน (Epinephrine) และนอร์อีพิเนฟฟริน (norepinephrine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโน มีหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมันในเลือด เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึม เพิ่มการเต้นของหัวใจ เพิ่มการบีบตัวของเส้นเลือด

การขาดวิตามินบี 5 นำไปสู่อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง Insomnia:อาการคิดว่าตัวเองนอนไม่หลับและโรคซึมเศร้า นักวิจัยหลายท่านยังให้ความสำคัญว่าวิตามินบี5 ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรท

อาหารที่มีวิตามินบี 5 สูง

1.ตับไก่
เป็นแหล่งของกรดแพนโทเทนิกชั้นเยี่ยม ตับไก่ปริมาณ 3 ออนซ์มีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 8.3 มิลลิกรัม

2.เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันแค่เพียง 1 ออนซ์ มีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 1.98 มิลลิกรัม

3.ชีส
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 3.35 มิลลิกรัม

4.อะโวคาโด
ปริมาณ 1 ผล จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 2 มิลลิกรัม

5.ปลาแซลมอล
ปริมาณ 3 ออนซ์ จะมีวิตามินบี 5 อยู่ถึง 1.9 มิลลิกรัม

6.ไข่
ปริมาณ 50 กรัมเท่ากับ 1 ฟอง จะมีวิตามินบี 5 อยู่ถึง 0.77 มิลลิกรัม

7.บล็อคโคลี่
ปริมาณ 1 ถ้วย มีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 0.52 มิลลิกรัม

8.เนื้อหมูไม่ติดมัน
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 1.65 มิลลิกรัม

9.มันหวาน
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่ 0.88 มิลลิกรัม

10.โยเกิร์ต
1 ถ้วย จะมีวิตามินบี 5 อยู่ถึง 1.45 มิลลิกรัม

11.ไก่งวง
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 1.1 มิลลิกรัม

12.เนื้อวัว
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 1.61 มิลลิกรัม

13.ปลาเทราท์
ปริมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินบี 5 อยู่มากถึง 2.24 มิลลิกรัม

14.กะหล่ำ
ปริมาณ 1 ถ้วย จะมีวิตามินบี 5 อยู่ 0.71 มิลลิกรัม

วิตามิน B6 (pyridoxine):มีบทบาทสำคัญมากต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาท พวกเขาช่วยในการเผาผลาญไขมันและโปรตีนและเปลี่ยนกรดอะมิโน tryptophanไปเป็นสารสื่อประสาทในสมอง เซโรโทนินซึ่งช่วยควบคุมความอยากอาหาร

ย้ำ...ในผู้ที่กินยาคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี6ได้ถึงแม้ว่าจะกินอาหารตามปกติก็ตามเพราะยาคุมมีฤทธิ์ที่จะทำให้ร่างกายต้องการวิตามินบี 6 มากกว่าคนปกติ

อาหารที่มีวิตามินบี6 สูง

1.อกไก่งวง
อกไก่งวงปริมาณแค่ 3 ออนซ์ มีวิตามินบี 6 อยู่ 0.7 มิลลิกรัม

2.ปลาทูน่า
ปลาทูน่าปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่ถึง 1.04 มิลลิกรัม

3.เมล็ดทานตะวัน
เมล็ดทานตะวันปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่มากถึง 1.35 มิลลิกรัม

4.ถั่วพิชตาชิโอ
ถั่วพิชตาชิโอปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่มากถึง 1.12 มิลลิกรัม

5.อกไก่
อกไก่ขนาดครึ่งอก มีวิตามินบี 6 อยู่ 0.3 มิลลิกรัม

6.อะโวคาโด
จำนวน 1 ผล มีวิตามินบี 6 อยู่มากถึง 0.4 มิลลิกรัม

7.ลูกพรุนแห้ง
ลูกพรุนแห้งปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่ถึง 0.75 มิลลิกรัม

8.เนื้อวัวไม่ติดมัน
เนื้อวัวปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่ถึง 0.68 มิลลิกรัม

9.งา
งาปริมาณ 1/4 ของถ้วย มีวิตามินบี 6 อยู่ถึง 0.25 มิลลิกรัม

10.เนื้อหมู
เนื้อหมูปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่ถึง 0.79 มิลลิกรัม

11.ผักปวยเล้ง
ผักปวยเล้งสุกปริมาณ 100 กรัม มีวิตามินบี 6 อยู่มากถึง 0.24 มิลลิกรัม

โคลีน (Choline): หนึ่งในวิตามินบีที่ช่วยให้ร่างกายสลายไขมันและขนส่งไขมันเข้าและออกจากเซลล์
แหล่งที่พบโคลีนตามธรรมชาติได้แก่ ไข่แดง เนื้อสัตว์ หัวใจ สมอง ตับ ปลา ผักใบเขียว ถั่วลิสง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก

อิโนซิทอล (Inositol): เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม มีบทบาทสำคัญในระบบประสาทโดยให้พลังแก่เซลล์สมอง ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล
แหล่งที่พบอิโนซิทอลตามธรรมชาติได้แก่ ตับ สมองและหัวใจวัว ถั่วลิสง ถั่วลิมาแห้ง ลูกเกด แคนตาลูป เกรปฟรุต กะหล่ำปลี

โครเมี่ยม (Chormium) : แร่ธาตุสำคัญยิ่งสำหรับการกำกับฮอร์โมนอินซูลินซึ่งรับผิดชอบในส่วนของระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และป้องกันการเปลี่ยนจากน้ำตาลไปเป็นไขมัน โครเมียมที่พบในอาหารส่วนใหญ่เป็นวาเลนซี 3 พบมากใน อบเชย ไข่แดง ตับ เมล็ดธัญพืชที่ไม่ได้ขัดสี และเนื้อสัตว์ต่างๆ

ไอโอดีน (Iodine):เมื่อทำงานร่วมกับทองแดง สังกะสีและเซเลเนียม พวกเขาคือส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของฮอร์โมนไทรอยด์โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทร๊อกซิน ซึ่งกำกับว่าร่างกายควรจะเผาผลาญพลังงานด้วยความเร็วเท่าไหร่
ศึกษาเพิ่มเติมที่ :

https://www.facebook.com/Santi.ManadeeN/posts/1267258256762527
https://www.facebook.com/Santi.ManadeeN/posts/1285753038246382
https://www.facebook.com/Santi.ManadeeN/posts/1289016241253395
https://www.facebook.com/Santi.ManadeeN/posts/1290277131127306

กรดอะมิโน (amino acid) : Isoleucine ช่วยในการสร้างพลังงาน Methionine ช่วยป้องกันการสะสมส่วนเกินของไขมันในตับและหลอดเลือดรวมถึงยังช่วยชำระล้างสารพิษและโลหะหนัก Alanine ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและช่วยในการเผาผลาญน้ำตาล L-carnitine ช่วยนำโมเลกุลไขมันไปยังเตาหลอมของเซลล์เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน แต่ทั้งนี่ทั้งนั้นการที่โปรตีนจะเปลี่ยนไปเป็นกรดอะมิโนได้นั้น..ขึ้นอยู่กับความสามารถในการย่อยโปรตีนของแต่ละบุคคล
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่:

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1185619291593091&id=100004350947568

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1185648681590152&id=100004350947568

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1186239001531120&id=100004350947568

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1186727598148927&id=100004350947568

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1186893211465699&id=100004350947568

Hydroxycitric acidสารสกัดผลส้มแขก (Garcinia):ใบชะมวงและมะขามเปียกก็มี HCA เช่นกัน ซึ่งสารชนิดนี้ยับยั้ง เอทีพี ซิเตรท ไลเอส (ATP citrate lyase) จึงช่วยไม่ให้เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสไปเป็นไขมัน พวกเขาช่วยกำจัดไขมันในตับ

กากใยอาหาร (Fiber): ช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและทำให้รู้สึกอิ่มนาน

จะเห็นได้ว่าอาหารจะซ้ำๆกันดังนั้น ควรบันทึกด้วยตัวเองว่าควรหาอะไรมารับประทานในแต่ละวันเพื่อจัดการกับผลกระทบของยาคุมกำเนิดดังที่ได้โพสต์ไปแล้ว

ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

สวัสดี
หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Alternative Medicine - Chopra Center

อ้วนจากยาคุมกำเนิด santi manadee, อ้วนจากยาคุมกำเนิด สันติ มานะดี, อ้วนจากยาคุมกำเนิดและการแก้ไข