รายการ หมอนอกกะลา
ตอน สเตียรอยด์ใช้ภายนอก (Topical Steroids)
ผมมีผู้ป่วยสะเก็ดเงิน เรื้อนกวาง กลาก และโรคผิวหนังอื่น ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก บางรายรักษาให้หายได้โดยง่าย แต่บางรายช้ากว่าที่ควรจะเป็น และสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการรักษาของผมคือ ผิวที่ผ่านการใช้สเตียรอยด์
ถ้าคุณทำการค้นหาเรื่องราวของสเตียรอยด์ในอินเตอเน็ต คุณจะพบทั้งข้อดีและข้อเสียมากมาย แต่สุดท้ายจะจบลงที่ ปริมาณการใช้ที่เหมาะสม ..แต่มันไม่เพียงพอที่จะตอบปัญหาของผมได้ งานวิจัยต่าง ๆ เลยเป็นที่พึ่งสุดท้ายอีกตามเคย
Topical steroids ถูกเปิดตัวในปี 1951เมื่อ Sulzberger และ Wittenใช้ ยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone)เป็นครั้งแรก และพบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (anti-inflammatory)และยับยั้งการแบ่งตัว (Anti-proliferative )โดยโครงสร้างทางเคมีเป็นการลอกเลียนแบบฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ซึ่งเป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต (Adrenal cortex) ของร่างกายซึ่งมีหน้าที่หลักคือ เพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ควบคุมการเผาผลาญแป้ง ไขมันและโปรตีน และกดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย
หลักการทำงานของมันคือทำให้เซลล์ที่ทาด้วยสเตียรอยด์แข็งกระด้าง (ให้นึกภาพตอน คุณเอากาวตราช้างทาไปบนผิวหนัง) จะเอาของเสียออกจากเซลล์ก็ยาก จะเอาของดีเข้าไปก็ยาก
ดูเหมือนผมจะเห็นด้วยกับการใช้สำหรับกรณีที่เกิดอาการแพ้จากภายนอกอาทิ แพ้พิษจากพืช สัตว์ เชื้อโรคในอากาศและสารเคมีแต่สำหรับการเกิดผด ผื่น ที่เกิดจากร่างกายพยายามขับออกนั้น สเตียรอยด์กลับเป็นตัวสร้างปัญหา
การขับของเสียหรือสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการนั้น ร่างกายจะเลือกตามลำดับดังนี้
1 บริเวณที่มีการสะสมในเนื้อเยื่อและเป็นกรดมาก
2 ขนาดของรูขุมขน
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำให้เซลล์แข็งก็ไม่แตกต่างจากการเอากาวตราช้างมาทาผิวเพื่อสกัดกั้นการขับออก และทำให้ร่างกายต้องหาทางออกใหม่ ๆ อยู่เสมอ นั่นคือสาเหตุที่ผู้ป่วยในโรคเหล่านี้ต้องประสพเคราะห์กรรมจากการลุกลาม
อาการคันเมื่อร่างกายขับของเสียออกจากร่างกายนั้นก็คือการย่อยของแบคทีเรียในอากาศเพราะนั่นเป็นหน้าที่ของมัน ดังนั้นในผู้ป่วยเหล่านี้ เพียงใช้อะไรที่ต้านแบคทีเรียไว้ อาการคันก็จะลดลง ในผู้ป่วยผม ๆ แนะนำน้ำผึ้งเนื่องจาก แบคทีเรียย่อยน้ำผึ้งได้อย่างยากเย็น ซึ่งผมจะถามกลับผู้ป่วยผมบ่อย ๆ ว่า เจ้าน้ำผึ้งเนี่ย แบคทีเรียที่ได้ชื่อว่าย่อยทุกอย่างที่ขวางหน้ายังย่อยได้ยาก แล้วคุณเป็นใครถึงกล้ากินมันเข้าไป
ในหนังสือของนายแพทย์ อีริค เบรฟเวอร์แมน..ชื่อ... “THE HEALING NUTREINTS WITHIN” ปี 1993..กล่าวว่า
ทุก 24 วัน ผิวหนังทั่วร่างกาย สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่เซลล์ที่ผ่านการใช้สเตียรอยด์ กลับตายช้าเนื่องจากความแข็งนี้ และเมื่อร่างกายสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ เซลล์ใหม่จะดันเซลล์แข็งนี้ให้หลุดออกมาเป็นแผ่นๆ และ เซลล์ใหม่จะอ่อนแอเป็นอย่างมากในบริเวณที่เคยสัมผัสกับสเตียดรอยด์
- การรักษาของผมคือ การเอาของเลว ๆ ออกมาให้หมด
- หยุดใส่ของเลว ๆ ให้ร่างกาย
และในเมื่อ..ทุกวินาทีไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ 2.5 ล้านเซลล์การได้เลือดดี ๆ ก็จะทำให้ทุกโรคหายได้เช่นกัน
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
สวัสดี
ขอบคุณ ภาพสวย ๆ จาก Google
ขอบคุณ งานวิจัยดี ๆ บนโลกใบนี้
References
1. Hengge UR, Ruzicka T, Schwartz RA, Cork MJ. Adverse effects of topical glucocorticosteroids. J Am Acad Dermatol. 2006;54:1–18. [PubMed]
2. Brazzini B, Pimpinelli N. New and established topical corticosteroids in dermatology: Clinical pharmacology and therapeutic use. Am J Clin Dermatol. 2002;3:47–58. [PubMed]
3. Rapaport MJ, Lebwohl M. Corticosteroid addiction and withdrawal in the atopic: The red burning skin syndrome. Clin Dermatol. 2003;21:201–14. [PubMed]
4. Schoepe S, Schäcke H, May E, Asadullah K. Glucocorticoid therapy-induced skin atrophy. Exp Dermatol. 2006;15:406–20. [PubMed]
5. Bhat YJ, Manzoor S, Qayoom S. Steroid-induced rosacea: A clinical study of 200 patients. Indian J Dermatol. 2011;56:30–2. [PMC free article] [PubMed]
6. Fisher DA. Adverse effects of topical corticosteroid use. West J Med. 1995;162:123–6. [PMC free article] [PubMed]
7. Sneddon I. Perioral dermatitis. Br J Dermatol. 1972;87:430–4. [PubMed]
8. Fowler KP, Elpern DJ. “Tortured tube” sign. West J Med. 2001;174:383–4. [PMC free article] [PubMed]
9. Saraswat A. Topical corticosteroid use in children: Adverse effects and how to minimize them. Indian J Dermatol Venereol Leprol. 2010;76:225–8. [PubMed]
10. Janjua SA, McKoy KC, Iftikhar N. Trichostasis spinulosa: Possible association with prolonged topical application of clobetasol propionate 0.05% cream. Int J Dermatol. 2007;46:982–5. [PubMed]
11. Shuster S. The cause of striae distensae. Acta Derm Venerol Suppl (Stockh) 1979;59:161–9. [PubMed]
12. Khan MO, Lee HJ. Synthesis and pharmacology of anti-inflammatory steroidal antedrugs. Chem Rev. 2008;108:5131–45. [PMC free article] [PubMed]