รายการหมอ นอกกะลา
ตอน คุณหมอคะ “เลือดน้อยต้องทำงัยคะ”
อันนี้ตอบรวม ๆ ไม่ได้เพราะต้องแก้ที่เหตุให้ตรงเผงนะครับและเหตุก็มีแค่นี้เอง.. ตามมาครับ
1. โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
อันนี้พบได้บ่อยในชาวชนบท ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร ผู้ที่เพิ่งแท้งบุตรหรือหญิงหลังคลอด ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นโรคริดสีดวงทวาร เพราะมีการเสียเลือดมากกว่าการสร้างเลือด
การแก้ก็ให้ไปอ่านตอน “ธาตุเหล็กที่เด็กขาดไม่ได้” เป็นภาพเม็ดโลหิตสีแดงนะครับ ซึ่งได้เขียนไว้อย่างครบถ้วนเรื่องอาหารที่จำเป็น
2. โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
โดยปกติ “เม็ดเลือดแดง” จะมีชีวิตอยู่ในร่างกายประมาณ 120 วัน แล้วจะเสื่อมสลายไปพร้อมกับมีเม็ดเลือดแดงใหม่ที่ไขกระดูกสร้างเข้ามาทดแทน จึงเกิดภาวะสมดุลในร่างกายไม่เกิดภาวะโลหิตจาง สาเหตุที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายมีอยู่ 2 ประการคือ
2.1 ภาวะพร่องเอนไซม์จี-6-พีดี (G-6-PD) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีอยู่ทั่วไปในเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดแดง เมื่อขาดเอนไซม์ชนิดนี้จะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย และแน่ ๆ ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับยาเหล่านี้นะครับ
Aspirin (Acetylsalicylic Acid; ASA)
ascorbic acid (Vitamin C)
chloramphenicol
chloroquine
dapsone
dimercaprol
doxorubicin
mepacrine
methylene blue
methyldopa
nalidixic acid
naphthalene
nitrofurantoin
phenazopyridine
primaquine
quinine
sulfacetamide
sulfadiazine
sulfamethoxazole (Co-trimoxazole, Septra)
sulfanilamide
sulfapyridine
sulfisoxazole (Pediazole)
toluidine blue
และผมจะให้เด็กพวกนี้กินเอ็นไซม์เสริม
2.2 โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) อันนี้เป็นความผิดปกติทางกรรมพันธุ์
แบบนี้ก็ให้รับประทานกรดโฟลิก แต่ไม่จำเป็นต้องให้ยาบำรุงเลือด (ธาตุเหล็ก) เนื่องจากมีธาตุเหล็กในร่างกายเกินปกติอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถนำมาสร้างเม็ดเลือดแดงเองได้ และมีชีวิตได้ตามปกติ ถ้าไม่กินขยะบ่อย ๆ
3. โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
เนื่องจากไขกระดูกที่อยู่ในโพรงกระดูกทั่วร่างกายมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด หากมีความผิดปกติของไขกระดูกทำให้สร้างเม็ดเลือดได้น้อยลง ก็จะเกิดภาวะโลหิตจางขึ้นโดยสาเหตุอาจเกิดจากพิษของยา วัคซีน หรือสารเคมีไปทำลายไขกระดูก เช่น ยาเฟนิลบิวทาโซน คลอแรมเฟนิคอล ซัลฟา หรือเคมีจำพวกน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน สีทาบ้าน รังสีชนิดต่าง ๆ เป็นต้นหรือการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ หรือโรคเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในเด็กหลาย ๆ ตัว
อันนี้เจ้าของร่างกายมีสภาพเลือดเป็นกรดแหง ๆ และมีสารพิษตกค้างแล้วเซลล์ดีท็อกซ์ไม่ได้ ผมก็จะจัดสารอาหารเพื่อการดีท็อกซ์สารตกค้าง แล้วทำให้รางกายมามีค่าpH ที่เป็นด่าง แล้วย้อนกลับไปคิดแบบ ง่าย ๆ ว่า ทุกส่วนของร่างกายสร้างมาจากอะไร แล้วอาหารประเภทใดช่วยสร้างไขกระดูก
งั้นอ่านนี่กันก่อน..
ไขกระดูก
ไขกระดูกจะพบส่วนใหญ่ในกระดูกยาว – ขาและแขนประกอบด้วยเซลล์ไขมัน เส้นเลือดและเซลล์พิเศษที่ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์ภูมิคุ้มกันและสารประกอบทำให้เลือดแข็งตัว ไขกระดูกของคุณขึ้นอยู่กับสารอาหารที่เฉพาะเจาะจงที่จะช่วยให้มันทำงานและมีสุขภาพดี หากคุณกำลังฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยเกี่ยวกับไขกระดูกนักโภชนาการของคุณอาจแนะนำให้คุณได้รับวิตามินที่จำเป็นแร่ธาตุและสารอาหารอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
โปรตีน-ซ่อมแซมและสร้างเซลล์
อาหารที่อุดมด้วยโปรตีนจะแตกตัวเป็นกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างเซลล์ในร่างกายของคุณทุกคน คุณจำเป็นต้องมีโปรตีนเฉลี่ย 46-56 กรัมทุกวันเพื่อช่วยรักษากระดูกและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ให้อยู่ในสภาพดี
แหล่งที่ดี ได้แก่ ปลา ถั่วและผัก งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2002 ใน "วารสารโภชนาการอเมริกัน" ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ป่วยที่มีปัญหาไขกระดูกต้องการโปรตีนและพลังงานมากขึ้น การศึกษาแนะนำว่าผู้ป่วยควรได้รับโปรตีน 1.4-1.5 กรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวเพี่อซ่อมแซมและสร้างไขกระดูกใหม่
ธาตุเหล็กและการทำงานของไขกระดูก
หน้าที่ ที่สำคัญของไขกระดูกคือการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง - เซลล์ที่มีธาตุเหล็กจะนำออกซิเจนไปยังส่วนทุกส่วนของร่างกายดังนั้นคุณต้องได้รับธาตุเหล็กจากอาหารประจำวันของคุณ - ประมาณ 10-20 มิลลิกรัมทุกวัน แต่หากคุณกำลังตั้งครรภ์คุณจะต้องได้รับถึง 27 มิลลิกรัมในทุกๆวันของแร่ธาตุตัวนี้ The University of Utah ตั้งข้อสังเกตว่าร่างกายของคุณดูดซับได้เพียงประมาณร้อยละ 10 ของการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในไขกระดูกของคุณในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
กรดโฟลิกสำหรับการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
Johns Hopkins Medicine ตั้งข้อสังเกตว่ากรดโฟลิควิตามินบีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับไขกระดูกของคุณในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง การขาดสารอาหารนี้สามารถนำไปสู่โรคโลหิตจาง ซึ่งไขกระดูกจะผลิตเซลล์ขนาดใหญ่และมีการพัฒนาอย่างผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ยังส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยลง ทำให้เซลล์ของร่างกายขาดออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ ผู้ใหญ่ต้องได้รับกรดโฟลิค 0.2-0.4 มิลลิกรัมทุกวันจากอาหารเช่นข้าวกล้อง กะหล่ำปลี ผักขมและธัญพืชเสริม
วิตามินบี 6 ช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน
ไขกระดูกของคุณยังต้องใช้วิตามินบี 6 - ไพริดอกซิ – เพื่อที่จะสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นสารที่อยู่ภายในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ผูกกับออกซิเจน เช่นเดียวกับวิตามินบีอื่น ๆ และมีนก็ยังมีบทบาทในการผลิตเม็ดเลือดแดงเช่นกัน และมันก็อยู่ในปลา ในผักต่าง ๆ นี่แหละนะ
นี่ไงครับ เหตุมาจากไหนก็หยุดเหตุ แล้วแก้ผล “คงไม่นานสุขภาพก็จะค่อย ๆ ดีไปเองถ้าได้หมุนเวียนเลือดดี ๆ” คำนี้ถูกต้องนะครับ
ด้วยความห่วงใย
สวัสดี