รายการ หมอนอกกะลา
ตอน... บ่อยครั้งที่น้ำตาซึม และ จมลึกฝังใน
ครั้งหนึ่งเมื่อเด็กน้อยถือกำเนิดมาพร้อมกับจุลชีพดี ๆ ที่พร้อมจะปกป้องร่างกาย และแล้ว..ไอ้เจ้าคำว่า “hygienic” ..ถูกสุขอนามัย.. ก็เริ่มเอาสารเคมีมาใช้กับภายนอก รวมถึงวัคซีนเอย ยาต่างๆเอย ก็เริ่มถูกใช้กับภายใน จนสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ในระบบลำไส้ที่ต้องอยู่เคียงคู่กับร่างกายลดน้อยถอยลงจนแทบไม่มีเหลือ และส่งผลต่อเส้นทางการย่อยอาหาร แล้วก็บอกว่า “เด็กเป็นภูมิแพ้บ้าง สมาธิสั้นบ้าง แพ้อาหารบ้าง” ให้ตายซิ..
ในหนังสือ Is your child’s brain starving? โดย Dr. Michael R. Lyon, MD มีการวิจัยที่น่าสนใจมากอยู่การวิจัยหนึ่ง คือ The Probiotic-ADHD Connection –การเชื่อมของ โพรไบโอติกต่อ สมาธิสั้น -
Dr.Lyon ได้ทำวิจัยในเด็ก 75 คนที่มีสมาธิสั้น พบว่า เด็ก เหล่านี้
ส่วนใหญ่ “มีน้อยหรือไม่มีเลย”ในส่วนของ แบคทีเรียที่เป็นมิตรต่อลำไส้ แต่เด็กทุกคน มีแบคทีเรียก่อโรคในปริมาณที่สูงมากในร่างกายของพวกเขา
ประมาณ 1/3 เป็นอาณานิคมของยีสต์ ที่ทำให้เกิดโรค และเกือบทุกคน มีพยาธิลำไส้ มากกว่าหนึ่งชนิด งานวิจัยของเขายังชี้ให้เห็นว่า กว่า 80 % ของเด็กที่มีปัญหาด้าน พฤติกรรม หรือ ด้านความรู้ความเข้าใจ ถูกวินิจฉัยว่า “ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง”
ในเด็กเหล่านี้ การใช้ยา หรือ สารเคมี ก็เพียงเพื่อการกดภูมิต้านทานเอาไว้ และ จะส่งผลอย่างสาหัสสากรรจ์ เมื่อร่างกายดื้อต่อยาในอนาคต
การแก้ไขในวิถีธรรมชาติบำบัดคือ การเริ่มกลับมาดูแลลำไส้อย่างจริงจังโดยการใส่ จุลชีพดี ๆ กลับเข้าไป และหยุดการให้อาหารแก่จุลชีพฝั่งเลว
และ ฝั่งธรรมชาติบำบัด ก็ทำสำเร็จ โดยปล่อยให้ฝั่งที่เชื่อสารเคมี มั่วกันต่อไป
นี่ครับ สิ่งที่ผมพยายามอ่าน ซื้อหามาอ่าน และวิปัสนาทุกครั้งที่อ่าน
ด้วยรักและห่วงใยครับ
สวัสดี