หากคุณไม่ได้มีประจำเดือนและสังเกตเห็นเลือดบนผ้าปูที่นอน หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ การมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่าpostcoital bleeding เป็นเรื่องปกติและอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
แม้ว่าโดยปกติแล้วจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล แต่คุณควรพูดคุยกับแพทย์หรือคลินิกสุขภาพทางเพศเสมอหากคุณมีเลือดออกหรือมีเลือดออกเล็กน้อยหลังจากมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของการมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
การมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น:
1. การเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวปากมดลูก (Cervical ectropion)
ภาวะปากมดลูกป่อง (Cervical ectropion) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ที่บุผนังปากมดลูกแพร่กระจายไปยังผิวปากมดลูก ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจน การใช้ฮอร์โมนเพื่อเลื่อนประจําเดือน การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด การใช้ยาสอด ท้องผูกเรื้อรัง กรดไหลย้อน หรือเกิดจากภาวะDysbiosis (ความไม่สมดุลของจุลชีพบริเวณมดลูก)
อาจทำให้เกิดเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ เนื่องจากเซลล์ปากมดลูกมีความเปราะบาง
เมื่อพูดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ภาวะช่องคลอดแห้งอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เจ็บ และบางครั้งอาจมีเลือดออก มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้ เช่นวัยหมดประจำเดือน การใช้ยาคุมกำเนิด ความเครียด ท่อบาร์โธลินตัน ต่อมบาร์โธลินทำงานผิดปกติ มีภาวะไขมันในเลือดต่ำเกินไป การรับประทานยาลดไขมันบางชนิด หรือการให้นมบุตร
3. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดเช่น โรคหนองในเทียม อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีเลือดออกระหว่างรอบเดือนและหลังมีเพศสัมพันธ์ หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกับตกขาวผิดปกติ ปวดเวลาปัสสาวะ หรืออาการอื่นๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรไปพบแพทย์ประจำตัวหรือคลินิกสุขภาพทางเพศในพื้นที่เพื่อรับการตรวจ
ที่อาจเกิดจากการใช้อุปกรณ์หรือนิ้ว หรือสิ่งใดๆที่ทำให้เกิดการฉีกขาด ร่วมกับการมีเพศสัมพันธ์แบบรุนแรง คุณอาจสังเกตเห็นเลือดออกเล็กน้อย ซึ่งอาจเกิดจากบาดแผล รอยถลอก หรือรอยฟกช้ำที่เยื่อบุช่องคลอดที่บอบบาง แต่หากคุณสังเกตเห็นเลือดออกเป็นประจำหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว
ติ่งเนื้อเล็กๆ เหล่านี้ไม่ใช่เนื้อร้ายที่ปากมดลูก แต่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งเร้าภายนอกที่มากระทบหรือเกิดจากภาวะความไม่สมดุลระหว่างกรดกับด่างในช่องคลอด ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือนและหลังมีเพศสัมพันธ์
6. มะเร็งปากมดลูก (แม้ว่าจะพบได้น้อย)
แม้ว่าการมีเลือดออกระหว่างและหลังมีเพศสัมพันธ์อาจเป็นอาการสำคัญของมะเร็งปากมดลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป การมีเลือดออกอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือควรปรึกษาแพทย์หากคุณกังวลเกี่ยวกับอาการใดๆ หรือมีเลือดออกผิดปกติ
โรคเช่น โรค เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และกลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS ) มักไม่ทำให้เกิดเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ทั่วไปหากคุณมีอาการเหล่านี้และมีเลือดออกผิดปกติ
7. การขาดวิตามินซีอย่างรุนแรง
เนื่องจากวิตามินซีเป็นวัตถุดิบในการผลิตคอลลาเจนที่ตับต้องจัดส่งไปยังเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ให้เกิดความนุ่มและความยืดหยุ่น ดังนั้นการขาดวิตามินซี จึงอาจทำให้เกิดเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
วิธีหยุดเลือดหลังมีเพศสัมพันธ์
อาจมีบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์
หากเลือดออกของคุณเกี่ยวข้องกับช่องคลอดแห้ง การใช้สารหล่อลื่นและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในช่องคลอด อาจช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นและลดการเสียดสีระหว่างมีเพศสัมพันธ์
สารหล่อลื่นที่ทำจากน้ำมันอาจทำให้ถุงยางอนามัย เสียหายได้ ดังนั้น หากคุณใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดหรือมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ให้ใช้สารหล่อลื่นที่ทำจากน้ำ
หากคุณกำลังอยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือเคยผ่านช่วงวัยหมดประจำเดือนมาแล้ว และประสบปัญหาช่องคลอดแห้ง คุณอาจต้อง รับประทานเมล็ดฟักทอง 1 ฝ่ามือวันเว้นวัน
หากคุณคิดว่าเลือดออกของคุณอาจเกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) คุณควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือไปที่คลินิกสุขภาพทางเพศในพื้นที่ของคุณ
หากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงทำให้คุณมีเลือดออกระหว่างหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจถึงเวลาที่ต้องชะลอการมีเพศสัมพันธ์ลง ปรึกษากับคู่ของคุณว่าคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร และอย่าลืมหยุดเมื่อรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบาย เพราะท้ายที่สุดแล้ว การมีเซ็กส์ควรเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานสำหรับคุณทั้งคู่
กรุณาอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่แท้จริงเพื่อแก้ปัญหาให้ถูกประเด็น
ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง